พฤติกรรมการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในจังหวัดนครศรีธรรมราช
Main Article Content
Abstract
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาพฤติกรรมการบริหารตามหลักธรรมาภิบาล และเพื่อเปรียบเทียบระดับพฤติกรรมการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดนครศรีธรรมราช
โดยจำแนกกลุ่มตัวอย่างตามบทบาทหน้าที่ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์ในการทำงาน กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริหารและครูผู้สอนในสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 214 คน สำหรับผู้บริหารเจาะจง
โรงเรียนละ 1 คน จาก 10 โรงเรียน ส่วนครูผู้สอนโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random sampling) ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 214 คน โดยแบ่งสัดส่วนเท่าๆกัน ทั้งครูสอนศาสนาและครูสอนสามัญ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวมรวมข้อมูลได้แก่ แบบ
สอบถามเกี่ยวกับสถานภาพส่วนบุคคลมีลักษณะเป็นแบบปลายปิด และเป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริหารงานของผู้บริหารตามหลักธรรมาภิบาล ซึ่งผ่านการตรวจสอบความเที่ยง ได้ค่าสัมประสิทธิ์ของครอนบาค (Cronbach) เท่ากับ. 0.79
วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (x) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) นำเสนอในรูปตารางประกอบคำบรรยาย ผลการศึกษา พบว่า ระดับพฤติกรรมการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในแต่ละด้าน พบว่า มีความคิดเห็นเกี่ยวกับ
การบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลอยู่ในระดับมากทุกด้าน สำหรับผลการเปรียบเทียบพฤติกรรมการบริหารสถานศึกษาโดยใช้หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดนครศรีธรรมราช จำแนกกลุ่มตัวอย่าง
ตามบทบาทหน้าที่ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์การทำงาน ในภาพรวมมีเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความรับผิดชอบ และหลัก
ความคุ้มค่า มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่มีระดับ .05 ส่วนหลักการมีส่วนร่วมไม่แตกต่างกันคำสำคัญ : หลักธรรมาภิบาล พฤติกรรมการบริหาร สถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
โดยจำแนกกลุ่มตัวอย่างตามบทบาทหน้าที่ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์ในการทำงาน กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริหารและครูผู้สอนในสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 214 คน สำหรับผู้บริหารเจาะจง
โรงเรียนละ 1 คน จาก 10 โรงเรียน ส่วนครูผู้สอนโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random sampling) ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 214 คน โดยแบ่งสัดส่วนเท่าๆกัน ทั้งครูสอนศาสนาและครูสอนสามัญ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวมรวมข้อมูลได้แก่ แบบ
สอบถามเกี่ยวกับสถานภาพส่วนบุคคลมีลักษณะเป็นแบบปลายปิด และเป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริหารงานของผู้บริหารตามหลักธรรมาภิบาล ซึ่งผ่านการตรวจสอบความเที่ยง ได้ค่าสัมประสิทธิ์ของครอนบาค (Cronbach) เท่ากับ. 0.79
วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (x) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) นำเสนอในรูปตารางประกอบคำบรรยาย ผลการศึกษา พบว่า ระดับพฤติกรรมการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาในแต่ละด้าน พบว่า มีความคิดเห็นเกี่ยวกับ
การบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลอยู่ในระดับมากทุกด้าน สำหรับผลการเปรียบเทียบพฤติกรรมการบริหารสถานศึกษาโดยใช้หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดนครศรีธรรมราช จำแนกกลุ่มตัวอย่าง
ตามบทบาทหน้าที่ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์การทำงาน ในภาพรวมมีเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความรับผิดชอบ และหลัก
ความคุ้มค่า มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่มีระดับ .05 ส่วนหลักการมีส่วนร่วมไม่แตกต่างกันคำสำคัญ : หลักธรรมาภิบาล พฤติกรรมการบริหาร สถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
Article Details
How to Cite
เจ๊ะหมัด ก., & ชัยเรือง น. (2015). พฤติกรรมการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในจังหวัดนครศรีธรรมราช. Princess of Naradhiwas University Journal of Humanities and Social Sciences, 2(1). Retrieved from https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pnuhuso/article/view/53505
Section
Research Article