ความพร้อมต่อการใช้ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของบุคลากรวิทยาลัยนครราชสีมา
คำสำคัญ:
ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ , ความพร้อม , การรับรู้บทคัดย่อ
งานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้งานระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของบุคลากรวิทยาลัยนครราชสีมา 2) ระดับการรับรู้ในการใช้งานระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของบุคลากรวิทยาลัยนครราชสีมา และ 3) ระดับความพร้อมในการใช้งานระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของบุคลากรวิทยาลัยนครราชสีมา รวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม จากกลุ่มตัวอย่างบุคลากรของวิทยาลัยนครราชสีมา จำนวน 144 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ผลการศึกษาพบว่า
1. กลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิง มีการศึกษาระดับการศึกษาระดับปริญญาโท มีตำแหน่งหน้าที่เป็นอาจารย์ผู้สอน และมีประสบการณ์ทำงานอยู่ระหว่าง 3-5 ปี มีพฤติกรรมการใช้ระบบสารบรรอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์
2. บุคลากรของวิทยาลัยนครราชสีมา มีการรับรู้เกี่ยวกับระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า บุคลากรของวิทยาลัยนครราชสีมามีการรับรู้ว่าระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงาน รองลงมาคือ รับรู้ถึงวิธีการใช้ระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ และรับรู้ถึงประสิทธิภาพของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามลำดับ
3. บุคลากรวิทยาลัยนครราชสีมา มีความพร้อมต่อการใช้ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์อยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า บุคลากรของวิทยาลัยนครราชสีมามีความพร้อมในการเข้าถึงข้อมูลสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ การรับส่งเอกสาร การส่งเอกสารไปยังหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามลำดับ
4.ผลการเปรียบเทียบเปรียบเทียบความพร้อมต่อการใช้งานระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของบุคลากรวิทยาลัยนครราชสีมา จำแนกตาม เพศ ระดับการศึกษา ต่างกัน มีความพร้อมต่อการใช้งานระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของบุคลากรวิทยาลัยนครราชสีมา ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ในขณะที่ตำแหน่งหน้าที่ และประสบการณ์ทำงาน แตกต่างกันมีความพร้อมต่อการใช้งานระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของบุคลากรวิทยาลัยนครราชสีมาแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
เอกสารอ้างอิง
กุสุมาลย์ ประหา. (2557). คุณภาพด้านการทำงานของระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน. การค้นคว้าอิสระปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี.
ดวงพร รัดสินทร. (2562). การรับรู้เทคโนโลยีที่มีผลต่อความตั้งใจใช้บริการการชำระเงินผ่าน คิวอาร์โค้ดของผู้บริโภคในเข9กรุงเทพมหานคร. การค้นคว้าอิสระปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ธานินทร์ ศิลป์จารุ. (2555). การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS และ AMOS. (พิมพ์ครั้งที่ 13). กรุงเทพมหานคร : ห้างหุ้นส่วนสามัญบิสซิเนสอาร์แอนด์ดี.
นภดล แข็งการนา. (2564). การพัฒนาระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์สำหรับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://aritc.nsru.ac.th›aritckm›.
บุญชม ศรีสะอาด. (2556). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพมหานคร : สุวีริยาสาสน์.
ปริศนา มัชฌิมา และคณะ. (2555). พฤติกรรมและประสิทธิภาพการใช้ระบบสารบรรณ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Office) ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต. คณะมนุษย์ศาสตร์และ สังคมศาสตร์. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต.
มานิตย์ กุศลคุ้ม. (2562). “ความพร้อมต่อการใช้ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี”. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี. ปีที่ 13 ฉบับที่ 2. หน้า 171-181.
ศศิจันทร์ ปัญจทวี. (2560). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยอมรับการใช้ระบบสารสนเทศ กรณีศึกษาสถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตเชียงใหม่. การศึกษาค้นคว้าอิสระปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.
สารภี สหะวิริยะ. (2560). ปัญหาการใช้งานระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-document) ของบุคลากร คณะวิทยาศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่. สารนิพนธ์ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 สิทธิชัย ป้อมทอง

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยปทุมธานี
ข้อความที่ปรากฎในบทความแต่ละเรื่อง เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และไม่มีส่วนรับผิดชอบใด ๆ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว