วัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยในจังหวัดปทุมธานี
คำสำคัญ:
วัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตย , การมีส่วนร่วมทางการเมือง , นักศึกษารัฐศาสตร์บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับวัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตย 2) ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมทางการเมือง และ 3) ศึกษาวัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยในจังหวัดปทุมธานี การวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิจัยแบบผสมวิธี ประชากรในการวิจัย นักศึกษามหาวิทยาลัยในจังหวัดปทุมธานี กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ จำนวน 3,405 คน นำมาคำนวณหาขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรของทาโรยามาเน่ จำนวน 379 คน สัมภาษณ์ประธานนักศึกษา จำนวน 5 คน เครื่องมือในการวิจัย แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์นำไปหาค่าความเชื่อมั่นแบบสอบถามเท่ากับ .91 ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องตั้งแต่ .60-1.00 และนำข้อมูลคุณภาพมาสรุปตามเนื้อหา สถิติในการวิจัยได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ
ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของนักศึกษา โดยรวมภาพรวมค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก พบว่า ด้านการติดตามข้อมูลข่าวสาร มีค่าเฉลี่ยมากสุด และ ด้านการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด 2) ระดับวัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตย ในภาพรวมค่าเฉลี่ยระดับมาก พบว่า ด้านการเคารพในกติกาของการปกครองระบอบประชาธิปไตย มีค่าเฉลี่ยมากสุด และเชื่อมั่นในตัวเอง ด้านความเชื่อมั่นศรัทธาต่อหลักการปกครองแบบประชาธิปไตย และด้านความสำคัญของศักดิ์ศรีและความเสมอภาคของบุคคล มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด 3) ศึกษาวัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง พบว่า ด้านการเคารพในกติกาของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ด้านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองการปกครอง ด้านการมีสำนึกในหน้าที่พลเมืองและเชื่อมั่นในตัวเอง ด้านการมองโลกในแง่ดี มีความไว้วางใจเพื่อนมนุษย์
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม. (2563). จำนวนนักศึกษาจำแนกตามมหาวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.
คมคาย อุดรพิมพ์. (2554). ยุทธศาสตร์การพัฒนาการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสตรีในจังหวัดมหาสารคาม. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ชนาธิป ธนะรัชและ ภัครดา ฉายอรุณ. (2559). ปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของนิสิต ระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน. รายงานการวิจัย สาขารัฐศาสตร์ (ภาคพิเศษ). คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน.
ฐานิตา เฉลิมช่วง. (2559). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในระดับเทศบาล จังหวัดฉะเชิงเทรา. วิทยานิพนธ์ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์.
ธงชัย วงศ์ชัยสุวรรณ และเทียนชัย วงศ์สุวรรณ. (2542). การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนชั้นกลาง. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
ดรุณศักดิ์ ตติยะลาภะ และคณะ. (2560). “การศึกษาสร้างตัวแบบสภาพลเมืองจังหวัดปทุมธานีสู่ความเข้มแข็งประชาธิปไตยไทย”. วารสารวิจัยและพัฒนาวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์. ปีที่ 2 ฉบับที่ 1 (มกราคม-เมษายน). หน้า 239.
บุศรา โพธิสุข. (2558). การมีส่วนร่วมทางการเมืองท้องถิ่นของประชาชน: ศึกษาเฉพาะกรณีตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่. โครงการสนับสนุนทุนวิจัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย.
ภูสิทธิ์ ขันติกุล. (2553). รูปแบบการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร. โครงการสนับสนุนทุนวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา.
สุเทวี คงคูณ. (2560). วัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตยของนักศึกษาวิทยาลัยกฎหมายและการปกครอง มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ พ.ศ. 2560. โครงการวิจัย.สาขาวิชารัฐศาสตร์ วิทยาลัยกฎหมายและการปกครอง. มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ.
สำราญ ทองสิงคลี. (2556). วัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตยของพนักงานส่วนตำบล อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วิทยานิพนธ์ปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี.
อมร รักษาสัตย์. (2544). “การกระจายอำนาจที่ผิดพลาดซ้ำซากของมหาดไทยและนักการเมือง”. วารสารสุโขทัยธรรมาธิราช. ปีที่ 8 ฉบับที่ 2. หน้า 18-24.
Milbrath & Goel. (1977). Political Participation: How and Why Do People Get involved in Politics. Chicago: Raad McNally and Co.
Yamane, Taro. (1967). Statistic: An Introductory Analysis. New York: Harpen and Row.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 Noppadol Henthang

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยปทุมธานี
ข้อความที่ปรากฎในบทความแต่ละเรื่อง เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และไม่มีส่วนรับผิดชอบใด ๆ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว