ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นชุมชนมุสลิมริมคลองรังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี : อัตลักษณ์ และการปรับตัว
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ของชุมชนมุสลิมในพื้นที่ริมคลองรังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 2) ศึกษาอัตลักษณ์ของชาวมุสลิมในพื้นที่ริมคลองรังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 3) วิเคราะห์การปรับตัวและการธำรงอัตลักษณ์ของชุมชนมุสลิมริมคลองรังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาตั้งแต่ พ.ศ.2433 ถึงปัจจุบัน กลุ่มตัวอย่าง เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง หรือมีข้อมูลมีความเข้าใจชุมชนมากที่สุด จำนวน 15 คน จำแนกเป็น คอเต็บ 1 คน ชาวมุสลิม 13 คน นักวิชาการด้านอิสลามศึกษา 1 คนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ แบบสนทนากลุ่ม แบบสังเกตกิจกรรมและพิธีกรรมทางวัฒนธรรม ใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา (content analysis) ผลการวิจัยพบว่า
1) รังสิตในอดีตเป็นป่าชื้นมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มต่ำ การตั้งถิ่นฐานมีอยู่บ้างแต่น้อยโดยกระจายตัวอยู่ตามแม่น้ำลำคลอง ผู้คนเรียกพื้นที่นี้ว่า “ทุ่งหลวงรังสิต” ทศวรรษที่ 2430 รัฐบาลได้เข้ามาพัฒนาทุ่งหลวงรังสิตให้เป็นพื้นที่ปลูกข้าวขนาดใหญ่ผลิตข้าวส่งขายยังต่างประเทศใช้ชื่อว่า “โครงการรังสิต” ทุ่งรังสิตดึงดูดผู้คนจากหลากหลายกลุ่มมาจากหลายพื้นที่ หลายชาติพันธุ์ เข้ามาตั้งถิ่นฐานทั้งนายทุนเจ้าของที่นา แรงงานรับจ้าง และผู้คนที่เข้ามาเช่าพื้นที่ทำนาซึ่งกลุ่มคนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน เช่น จีน มอญ อีสาน(ลาว) มุสลิม บริเวณริมคลองรังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีมุสลิมอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน 4 ชุมชนโดยอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานเพื่อทำมาหากินรวมกลุ่มกันแล้วสร้างมัสยิดของชุมชนตนเองขึ้นเพื่อใช้ปฏิบัติศาสนกิจเป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการชุมชนทุกเรื่อง
2) อัตลักษณ์ของชาวมุสลิมริมคลองรังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ประกอบด้วย อัตลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับศาสนาอิสลาม คือ การปฏิบัติศาสนกิจตามวิถีอิสลาม วัฒนธรรมในช่วงชีวิต การแต่งกาย อาหาร และงานประจำปีของมัสยิด อัตลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ คือ การใช้ภาษามลายูของชุมชนแก้วนิมิตรชุมชนมุสลิมอัลอะลา กิจกรรมสายสัมพันธ์ระหว่างชาวมุสลิมต่างมัสยิด และกิจกรรมวันอาซูรอ
3) ชาวมุสลิมทั้ง 4 ชุมชน ให้ความสำคัญกับการศึกษาเพื่อพัฒนาเยาวชนอย่างมากทั้งการศึกษาด้านศาสนาและการศึกษาสายสามัญ ชาวมุสลิมมีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการปรับตัวเพื่อการดำรงตน และเพื่อสร้างพื้นที่ทางสังคมของตนเองด้วยการปลูกฝังความคิดความเชื่อถึงวิถีชีวิตที่ดีงามตามหลักการของศาสนาอิสลามผ่านการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิจัยราชภัฏพระนครเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
เอกสารอ้างอิง
Asawey, S. (1987). History of Rangsit Canal: Land development and social impact 1888-1914. Thammasat University Press.
Block, M. (1979). The Historian’s Craft. Manchester: Manchester University Press.
Boriwethanan, T. (2023). Lam Sa Nun. Wiki Community SAC. Retrieved December 30, 2023, from https://wikicommunity.sac.or.th/
Boonyasathit, W. (2020). Thai history (2nd ed.). Copy One.
Charoenchang, S. (2012). Tracing Siamese Muslims. Foundation for Youth Development towards Leadership.
Chuangpichit, T. (2008). Ashura ceremony: Identity and ethnic maintenance of Shia Muslims in Thai society [Master's thesis, Silpakorn University]. Silpakorn University.
Jitmuat, S. (1988). Thai Muslim ethnic groups. Sanga Rujireaumporn Fund.
Jitmuat, S. (1992). Islamic culture (3rd ed.). Sanga Rujireaumporn Fund.
Narasat, W. (2007). History: Methods and development. Department of History, Faculty of Social Sciences, Srinakharinwirot University.
National Economic and Social Development Board. (1964). The First National Economic Development Plan (Phase 2). Retrieved March 29, 2022, from www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=5806
Patan, H., & Kriangphan, T. (2021). Maintaining Muslim identity in Isan's multicultural society. Political Science Review, 8(16), 123-151.
Pholdee, S. (2017). Bangkok Noi Muslims: Historical development, identity, wisdom and Islamic cultural ways in the capital. Print Ozone.
Pathum Thani Provincial Office. (2020). Pathum Thani provincial summary. Retrieved from http://123.242.173.131/pathumthani_news/attach_file/pathum_summary.pdf (accessed March 29, 2022).
Ramitanon, C. (2001, Mar. 22-23). Concepts in studying 'Tai' identity [Conference presentation]. Conference on History and Literature Studies of Tai Ethnic Groups, Chang Kra Room, Chiang Mai Orchid Hotel, Amphoe Muang, Chiang Mai, Thailand.
Suebwattana, T. (1978). Rice production and trade in Central Thailand from King Rama V to King Rama VII (1868-1932) [Master's thesis]. Department of History, Chulalongkorn University.
Suebwattana, T. (2011). Concepts and approaches in local history studies. Inthanin.
The Center of Islamic Council of Thailand. (2023a). Al-Ala Mosque. In Directory of mosques. Retrieved December 30, 2023, from www.cicot.or.th/th/mosque/detail/1584/2/
The Center of Islamic Council of Thailand. (2023b). Charoen Islam Mosque. In Directory of mosques. Retrieved December 30, 2023, from www.cicot.or.th/th/mosque/detail/1567/2/
The Center of Islamic Council of Thailand. (2023c). Kaew Nimit Mosque. In Directory of mosques. Retrieved December 30, 2023, from www.cicot.or.th/th/mosque/detail/1571/2/
Thongfua, S. (2022). The Muslim world: An introduction. Faculty of Political Science, Prince of Songkla University.
Tohtayong, S. (2018). Identity and identity maintenance of Thai-Malay people who migrated to Bangkok: A case study of Serithai Soi 4 Muslim Community [Master's thesis]. National Institute of Development Administration.
Walliphodom, S., & Songsiri, W. (2014). Local history practice. Lek-Prapai Viriyahpant Foundation.
