บูรณาการการสอนผู้ขอบรรพชาอุปสมบทของพระอุปัชฌาย์ ด้วยตจปัญจกกรรมฐาน
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยเรื่อง “บูรณาการการสอนผู้ขอบรรพชาอุปสมบทของพระอุปัชฌาย์ด้วยตจปัญจกกรรมฐาน” มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ คือ (1) เพื่อศึกษาตจปัญจกกรรมฐานในพุทธศาสนาเถรวาท (2) เพื่อศึกษาบทบาทของพระอุปัชฌาย์กับการสอนตจปัญจกกรรมฐานแก่ภิกษุผู้บวชใหม่ (3) เพื่อศึกษาการบูรณาการการสอนผู้ขอบรรพชาอุปสมบทของพระอุปัชฌาย์ด้วยตจปัญจกกรรมฐาน เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพและสัมภาษณ์บุคคล ผลการวิจัยพบว่า บูรณาการการสอนผู้ขอบรรพชาอุปสมบทของพระอุปัชฌาย์ด้วยตจปัญจกกรรมฐาน โดยพระอุปัชฌาย์จะเริ่มในช่วงที่กุลบุตรเปล่งคำขอบรรพชาอุปสมบทเป็นที่เรียบร้อยแล้วพึงกล่าวกับผู้ที่จะบวชว่า เธอจงตั้งใจเรียนตจปัญจกกรรมฐานอันเป็นอุบายสำหรับให้ภิกษุใหม่เกิดสมาธิได้เพื่อเป็นที่ตั้งของปัญญาต่อไปบอกทีละบทว่า 1) เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ โดยอนุโลม 2) ตะโจ ทันตา นะขา โลมา เกสา โดยปฏิโลม เพราะการพิจารณาเช่นนั้น เป็นเหตุให้ละความกำหนัดยินดีได้ ส่วนการบูรณาการการสอนตจปัญจกกรรมฐานของภิกษุผู้บวชใหม่ คือ ต้องพิจารณาผม พิจารณาขน พิจารณาเล็บพิจารณาฟัน พิจารณาหนัง โดยความเป็นของไม่งามปฏิกูล เป็นรังของโรค เมื่อภิกษุผู้บวชใหม่ปฏิบัติตามหลักตจปัญจกกรรมฐานหรือมูลกรรมฐานในเบื้องต้นก็จะเป็นทางสู่มรรค ผล และพระนิพพานในที่สุด โดยพระอุปัชฌาย์จะต้องพร่ำสอนว่า ตจปัญจกกรรมฐาน เป็นกรรมฐานที่เป็นมูล เป็นกรรมฐานที่เป็นรากเหง้าของกรรมฐานทั้งปวง เป็นกรรมฐานที่ระงับกามราคะได้ และเป็นกรรมฐานที่ทำราคะ โทสะ โมหะของภิกษุผู้บวชใหม่ให้เบาบางลงได้
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ก่อนเท่านั้น
References
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาบาลี ฉบับมหาจุฬาเตปิฏกํ, กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2535.
_________.พระไตรปิฏกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2539.
พระครูสิทธิสังวร (วีระ ฐานวีโร), สมถะวิปัสสนาจากพระไตรปิฎก, กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์สัมปชัญญะ, 2556.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, พิมพ์ครั้งที่ 16, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์บริษัท สหธรรมิก จำกัด, 2554.
พระพุทธโฆสเถระ รจนา, คัมภีร์วิสุทธิมรรค, พิมพ์ครั้งที่ 10, กรุงเทพมหานคร: บริษัท ธนาเพรส จำกัด, 2554.
พระมหาเสริมชัย ชยมงฺคโล, การบริหารวัด, กรุงเทพมหานคร : มูลนิธิพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย, 2539.
พระราชพรหมยาน ( พระมหาวีระ ถาวโร ), กรรมฐาน 40, กรุงเทพมหานคร : เยลโล่การพิมพ์, 2538.
พระอุปติสสเถระ รจนา, คัมภีร์วิมุตติมรรค, แปลโดย พระราชวรมุนี (ประยูร ธมฺมจิตฺโต และคณะ), พิมพ์ครั้งที่ 5, (กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ศยาม บริษัทเคล็ดไทย จำกัด, 2541.
ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542, กรุงเทพมหานคร: บริษัท นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์ จำกัด , 2546.
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก, ธรรมอบรมจิต, กรุงเทพมหานคร: ก้อนเมฆแอนด์กันย์กรุ๊ป, 2549.
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถร), คัมภีร์วิสุทธิมรรค, พิมพ์ครั้งที่ 10, กรุงเทพมหานคร: บริษัท ธนาเพรส จำกัด, 2554.
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตโต), พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, พิมพ์ครั้งที่ 41, กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ผลิธัมม์, 2561.
สุรีย์ มีผลกิจ, พระพุทธกิจ 45 พรรษา, พิมพ์ครั้งที่ 9 , กรุงเทพมหานคร: บริษัท คอมฟอร์ม จำกัด, 2560.