การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และความพึงพอใจ เรื่อง เลขยกกำลัง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบนิรนัยกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้สมองเป็นฐาน

Main Article Content

ปัทมวรรณ ป้องทอง

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เลขยกกำลังชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบนิรนัย และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานตามเกณฑ์ 75/75 2) หาดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องเลขยกกำลัง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบนิรนัย และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียน เรื่อง เลขยกกำลัง ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบนิรนัย และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน 4) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการคิดวิเคราะห์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนเรื่อง เลขยกกำลังระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบนิรนัย และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน 5) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบนิรนัย และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนโรงเรียนเชียงยืนวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556ได้แก่ ม.1/1 และ ม.1/2 มีนักเรียนจำนวน 44 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้แบบนิรนัย และแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานเรื่อง เลขยกกำลัง แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่าย (P) ตั้งแต่ 0.28 -0.66 ค่าอำนาจจำแนก (1) ตั้งแต่ 0.36 -0.86 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.94 แบบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่าย (p) ตั้งแต่ 0.28-0.70 ค่าอำนาจจำแนก (1) ตั้งแต่ 0.22 -0.76 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.90 และแบบวัดความพึงพอใจชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมุติฐาน ได้แก่ t-test (Independent Sample) ผลการวิจัยพบว่า


  1. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบนิรนัย และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานมีประสิทธิภาพ 76.90/75.23 และ 78.00/77.73 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้

  2. ดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบนิรนัย และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานเท่ากับ 0.6863 และ 0.7057 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้คิดเป็น ร้อยละ 68.63 และ 70.57

  3. นักเรียนที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบนิรนัย และนักเรียนที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

  4. นักเรียนที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความสามารถในการคิดวิเคราะห์สูงกว่านักเรียนที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบนิรนัยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

  5. นักเรียนที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบนิรนัย และนักเรียนที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน มีความพึงพอใจต่อการเรียนอยู่ในระดับมาก (small ar{X}= 4.08)

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ป้องทอง ป. (2019). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และความพึงพอใจ เรื่อง เลขยกกำลัง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบนิรนัยกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้สมองเป็นฐาน. วารสาร มทร.อีสาน ฉบับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 2(2), 1–12. สืบค้น จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/RMUTI_SS/article/view/195409
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. 2551). หลักสูตรเเกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ :
โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์

จุไรวรรณ เสาสูงยาง. (2553). การเปรียบเทียบความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบใช้สมองเป็นฐานกับแบบ 4 MAT. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยามหาสารคาม

ชาตรี เกิดธรรม. (2547). เทคนิคการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.

ชวาลัย ชมดี. (2551). ผลการพัฒนาการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การหาค่าเฉลี่ยเลขคณิตชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยวิธีสอนเเบบอุปนัยหรือเเบบนิรนัย. การศึกษาค้นคว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสาราคาม

นิราศ จันทรจิตร. (2553). การเรียนรู้ด้านการคิด. มหาสารคาม : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

ปราณี อ่อนศรี. (2552). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่ส่งเสริมการเรียนรู้ที่ใช้สมองเป็นฐานของนักเรียนพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก. ปริญญานิพนธ์ กศ.ด. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

พัชระ งามชัด. (2549). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง บทประยุกต์ ความพึงพอใจต่อการเรียนวิขาคณิตศาสตร์ เเละความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนขั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค STAD และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามคู่มือ ดร. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

พรพิไล เลิศวิขา. (2547). สมองกับการเรียนรู้. เข้าถึงเมื่อ (16 เมษายน 2556). เข้าถึงได้จาก (http://www.nblor.th/)

มัณฑรา ธรรมบุศย์. (2545). รูปแบบการเรียนรู้ (Learning Styles) ใน 21 วิธีการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนากระบวนการคิด. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์

โรงเรียนเชียงยืนวิทยา. (2555). แบบสรุปผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนประจำปีการศึกษา 2555. นครพนม : โรงเรียนเชียงยืนวิทยา

วิติญา มันฑุสินธุ์. (2553). การจ๋าวิธีการแก้โจทย์ปัญหาเละเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนรู้ด้วยวิธีการสร้างความจำตามหลักการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. ชลบรี : มหาวิทยาลัยบูรพา

วิมล เหล่าเคน. (2552). ผลการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำตามหลักเกณฑ์ทางภาษาด้วยการจัดกิจกรรมตามเเนวคิดโดยใช้สมองเป็นฐาน ขั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. การศึกษาค้นคว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์. (2553). นวัตกรรมตามเเนวคิดเเบบ Backward Design. กาฬสินธุ์ : ประสานการพิมพ์

สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ. (2549). การเรียนรู้ตามหลักการเรียนรู้ของสมอง. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น

สโรชา แซวกระโทก. (2554). การเปรียบเทียบผลล้มฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน การคิดวิเคราะห์ และความฉลาดทางอารมณ์ ของนักเรียนขั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบปกติ. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

สุพัตรา ภูหงส์สูง. (2550). การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องจำนวนเชิงข้อนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยการสอนแบบอุปนัยเละแบบนิรนัย ประกอบการใช้เทคนิค STAD. การศึกษาคันคว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

สุวิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลดำ. (2547). กลยุทธ์การสอนคิดสังเคราะห์. กรุงเทพฯ : ดวงกมลสมัย อุดม วิเศษวิสัย. 2553). ผลชองการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานที่มีต่อความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ความน่าจะเป็นของนักเรียนขั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. สารนิพนธ์ กศ.ม. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

อุดมสิน อนุมาตย์. (2553). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องการบวกเละการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้การสอนแบบนิรนัย. การศึกษาค้นคว้าอิสระ กศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม