Publication Ethics
มาตรฐานทางจริยธรรมของวารสาร มทร.อีสาน ฉบับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
จริยธรรมในการตีพิมพ์ (Publication Ethics)
กองบรรณาธิการวารสาร มทร.อีสาน ฉบับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ตระหนักถึงจริยธรรมการตีพิมพ์ (Publication Ethics) สำหรับบทบาทพฤติกรรมจริยธรรมของบรรณาธิการ (Editor) ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ (Reviewer) และผู้นิพนธ์ (Author) ตามประเด็นด้านจริยธรรมบางประการ เพื่อให้เป็นไปตามที่ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) กำหนดเกณฑ์ และเพื่อให้มีความสอดคล้องตามมาตรฐานสากลซึ่งปรับปรุงจากคณะกรรมการจริยธรรมการตีพิมพ์ (COMMITTEE ON PUBLICATION ETHICS: COPE) โดยอ้างอิงการแปลจากมาตรฐานทางจริยธรรมของคณะกรรมการตีพิมพ์ (https://www.publicationethics.org/files/2008%20Code%20of%20Conduct.pdf)
1. หน้าที่ของบรรณาธิการ
1.1 บรรณาธิการดำเนินการ และควบคุมดูแลความเรียบร้อยต่าง ๆ ให้ตรงตามความประสงค์ของผู้ประเมินบทความ และผู้นิพนธ์
1.2 บรรณาธิการให้การสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทั้งจากผู้นิพนธ์ และผู้ประเมินบทความ และผู้เกี่ยวข้องต่าง ๆ โดยคำนึงถึงมาตรฐาน ความถูกต้องของผลงานทางวิชาการ และข้อกำหนดของทางวารสารฯ เป็นสำคัญ
1.3 บรรณาธิการรักษามาตรฐานความถูกต้องของเนื้อหาบทความ และการดำเนินการใด ๆ ของทางวารสารฯ เพื่อให้คงไว้ซึ่งผลงานทางวิชาการที่มีคุณภาพ
1.4 บรรณาธิการดำเนินการปรับปรุงวารสารอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เกิดความทันสมัย และเกิดประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม
1.5 บรรณาธิการดำเนินการปกป้องมาตรฐานทรัพย์สินทางปัญญาจากความต้องการทางธุรกิจ และตรวจสอบเพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดขึ้นกับผู้เกี่ยวข้องต่าง ๆ
1.6 บรรณาธิการเต็มใจที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดอันเกิดจากการตีพิมพ์ การทำให้เกิดความชัดเจน การถอด-ถอนบทความ และการขออภัย หากจำเป็น
1.7 บรรณาธิการดำเนินการคัดกรอง ตรวจสอบ และตัดสินใจในการรับรองคุณภาพของงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์
2. หน้าที่ของบรรณาธิการต่อผู้ประเมินบทความ
2.1 บรรณาธิการดำเนินการจัดพิมพ์คำแนะนำแก่ผู้ประเมินบทความในทุกประเด็นที่บรรณาธิการคาดหวัง และควรมีการปรับปรุงคำแนะนำให้ทันสมัยอยู่เสมอ ๆ
2.2 บรรณาธิการดำเนินการจัดทำระบบเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ประเมินบทความ
2.3 ผู้ประเมินบทความต้องดำเนินการแจ้งกองบรรณาธิการวารสารฯ ให้รับทราบ หากพบในกรณีปัญหาด้านจริยธรรมในต้นฉบับ การลอกเลียนแบบ และการคัดลอกปลอมแปลงข้อมูลที่อาจเกิดขึ้น
2.4 ต้นฉบับบทความถือเป็นเอกสารที่เป็นความลับ ผู้ประเมินบทความจะต้องไม่กระทำการเปิดเผยข้อมูลใด ๆ ในต้นฉบับฯ ในขณะที่กองบรรณาธิการวารสารฯ ยังไม่ได้ดำเนินการเผยแพร่
2.5 ผู้ประเมินบทความต้องประเมินคุณภาพตันฉบับโดยปราศจากอคติใด โดยแสดงความเห็นทางวิชาการอย่างชัดเจน พร้อมแสดงข้อสนับสนุน ข้อโต้แย้ง และการอ้างอิง
3. หน้าที่ของบรรณาธิการต่อผู้นิพนธ์
3.1 บรรณาธิการดำเนินการตามระบบอย่างเคร่งครัดและชัดเจนเพื่อให้ผู้นิพนธ์มั่นใจในคุณภาพของบทความที่ตีพิมพ์ สำหรับการรับรองคุณภาพของงานวิจัยที่ตีพิมพ์ และตระหนักว่าบทความแต่ละเรื่องที่ได้รับการยอมรับให้ตีพิมพ์ลงในวารสารฯ ต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เป็นไปตามขอบเขตและข้อกำหนดของทางวารสาร โดยมีมาตรฐานคุณภาพที่ใกล้เคียงกัน
3.2 การตัดสินใจของบรรณาธิการต่อการยอมรับหรือปฏิเสธบทความวิจัยเพื่อการตีพิมพ์ของผู้นิพนธ์ ควรขึ้นอยู่กับความสำคัญของปัญหา ความใหม่ของเนื้อหาและประเด็นในการวิจัย ความชัดเจนของบทความวิจัยในการนำเสนอ ตลอดจนความเกี่ยวข้องกับขอบเขตของวารสาร
3.3 บรรณาธิการควรมีการชี้แจงหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบประเมินบทความ (Peer review) นอกจากนี้บรรณาธิการควรมีความพร้อมในการชี้แจงความคลาดเคลื่อนต่าง ๆ จากกระบวนการตรวจสอบที่ได้ระบุไว้แก่ผู้นิพนธ์
3.4 วารสารควรมีช่องทางให้ผู้นิพนธ์ได้อุทธรณ์ตอบข้อซักถามประเด็นต่าง ๆ ต่อผู้ประเมินบทความ รวมถึงช่องทางที่ผู้นิพนธ์สามารถอุทธรณ์ได้ หากผู้นิพนธ์มีความคิดเห็นแตกต่างจากการตัดสินใจของบรรณาธิการ
3.5 บรรณาธิการควรจัดพิมพ์คำแนะนำแก่ผู้นิพนธ์ในทุกประเด็นที่เป็นข้อกำหนดของทางวารสารฯ ที่ผู้นิพนธ์ควรรับทราบเพื่อให้ผู้นิพนธ์สามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้อง และควรมีการปรับปรุงคำแนะนำให้ทันสมัยอยู่เสมอ
3.6 บรรณาธิการไม่ควรเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจในการตอบรับบทความที่ถูกปฏิเสธการตีพิมพ์ไปแล้ว ยกเว้นมีปัญหาร้ายแรงเกิดขึ้นในระหว่างการส่งบทความ ซึ่งบรรณาธิการต้องสามารถชี้แจงถึงเหตุผลอันสมควรที่เป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการตัดสินดังกล่าวได้
3.7 ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งบรรณาธิการ บรรณาธิการผู้ดำรงตำแหน่งคนใหม่จะต้องไม่กลับคำตัดสินใจในการตอบรับบทความที่ถูกตอบรับ หรือปฎิเสธการตีพิมพ์บทความที่บรรณาธิการคนก่อนได้ตัดสินไปแล้ว ยกเว้นมีการพิสูจน์ถึงปัญหาร้ายแรงที่เกิดขึ้น
3.8 สำหรับกรณีบทความวิจัยซึ่งเป็นผลงานจากการศึกษาวิจัยและได้ดำเนินการทดลองในมนุษย์ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อหลักความเคารพในบุคคล หลักคุณประโยชน์ไม่ก่อให้เกิดอันตราย และหลักความยุติธรรม ผู้วิจัยควรแนบหนังสือรับรองจริยธรรมจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ โดยระบุรายละเอียดข้อมูลดังกล่าวไว้ในหัวข้อวิธีการดำเนินการวิจัยในบทความวิจัยด้วย โดย การอนุมัติให้ลงตีพิมพ์นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากกองบรรณาธิการวารสารฯ