เจเนอเรชั่นกับพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในภาคเหนือ

Main Article Content

อุบลวรรณ สุภาแสน
วัลลภัช สุขสวัสดิ์

บทคัดย่อ

          งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของประชาชนต่างเจเนอเรชั่นในภาคเหนือของประเทศไทย โดยจำแนกเจเนอเรชั่น   ออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ เบบี้บูมเมอร์ เจเนอเรชั่นเอ็กซ์ เจเนอเรชั่นวาย และเจเนอเรชั่นซี การวิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ ประชากรที่ศึกษาคือผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี พ.ศ. 2562 ในภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน แพร่ และอุตรดิตถ์ กลุ่มตัวอย่างมีจำนวน 400 คน ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน โดยมีแบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาและสถิติอนุมาน
          ผลการวิจัย พบว่า เจเนอเรชั่นที่แตกต่างกันจะมีพฤติกรรมการติดตามสื่อโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ที่มีความโน้มเอียงทางการเมือง พฤติกรรมการตัดสินใจเลือกตัวบุคคลหรือพรรคการเมือง แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยเบเบี้บูมเมอร์ติดตามสื่อโทรทัศน์หลักมากกว่าเจเนอเรชั่นอื่น ในขณะที่เจเนอเรชั่นวายติดตามสื่อออนไลน์ที่มีความโน้มเอียงทางการเมืองมากกว่าเจเนอเรชั่นอื่น สำหรับพฤติกรรมการเลือกตัวบุคคลหรือพรรคการเมือง พบว่าทุกเจเนอเรชั่นเลือกตัวบุคคลและพรรคร่วมกันมากที่สุด โดยเบบี้บูมเมอร์จะเลือกตัวบุคคลมากกว่าเจเนอเรชั่นอื่น

Article Details

How to Cite
สุภาแสน อ., & สุขสวัสดิ์ ว. (2024). เจเนอเรชั่นกับพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในภาคเหนือ. วารสารวิชาการวิทยาลัยบริหารศาสตร์, 7(4), 23–38. สืบค้น จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/SASAJ/article/view/272842
บท
บทความวิจัย

References

กนกรัตน์ เลิศชูสกุล. (2564). สงครามเย็น (ใน) ระหว่างโบว์ขาว. กรุงเทพฯ: มติชน.

ฐากร ตัณฑสิทธิ์. (2561). ยุคดิจิทัลจะเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเมือง(Landscape) ของประเทศ. Journal of Digital Communications, 2(2), 43–48. สืบค้นจาก https://so04.tci-thaijo.org/index.php/NBTC_Journal/article/view/168761/121422

นุกูล ชิ้นฟัก, วรลักษณ์ ลลิตศศิวิมล, และ จิราพร ปลอดนุ้ย. (2561). พฤติกรรมของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีต่อการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในตำบลเขาพระ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวิทยาลัยหาดใหญ่, คณะบริหารธุรกิจ.

วชิรวิชญ์ อัคราวิสิฐพล. (2564). การสื่อสารภังควิวัฒน์กับปรากฏการณ์แฟลชม็อบเยาวชนไทย. วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์, 25(1), 60-69.

วณัฐย์ พุฒนาค. (2560). การแบ่งคนเป็น Generations มาจากไหน? ทำไมต้องนิยามจากช่วงอายุ?. สืบค้นจาก https://thematter.co/pulse/where-does-generation-come-from/26074.

วัชระ คุณวงค์, และ อดิพล เอื้อจรัสพันธุ์. (2562). ภูมิทัศน์ความรุนแรงและการกลั่นแกล้งในสื่อออนไลน์. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์นายเรืออากาศ, 9, 146-160.

วัลลภัช สุขสวัสดิ์. (2560). การวิจัยเชิงปริมาณทางรัฐศาสตร์. พิษณุโลก: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยนเรศวร.

วิจิตร เกิดน้อย, ยุทธนา ปราณีต, สุรพล สุยะพรหม, และ พรรษา พฤฒยางกูร. (2563). พฤติกรรมทางการเมืองในการเลือกตั้งทั่วไปของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในตำบลไทยาวาส อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม. วารสาร มจร สังคมศาสตร์ปริทรรศน์, 9(2), 129-139.

วุฒิพล วุฒิวรพงศ์, และ กิ่งกาญจน์ จงสุขไกล. (2562). พัฒนาการของช่องทางในการแสดงออกทางการเมืองในสื่อออนไลน์ช่วง พ.ศ. 2560 – 2557. วารสารด้านการบริหารรัฐกิจและการเมือง, 8(3), 147-167.

ศักดิ์สิน อุดมวิทยไพศาล, ยุภาพร ยุภาส, และ สัญญา เคณาภูมิ. (2562). กรอบแนวคิดเชิงทฤษฎีพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชน. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 10(1), 293-306.

Carrillo-Durán, M.-V., Ruano-López, S., Fernández-Falero, M.-R., & Trabadela-Robles, J. (2022). Understanding How Baby Boomers Use the Internet and Social Media to Improve the Engagement with Brands. Comunicação e Sociedade, 41, 261-284.

Chan, M., Chen, H.-T., & Lee, F. L. F. (2017). Examining the roles of mobile and social media in political participation: A cross-national analysis of three Asian societies using a communication mediation approach. New Media & Society, 19(12), 2003-2021.

Prior, M. (2005). News vs. Entertainment: How Increasing Media Choice Widens Gaps in Political Knowledge and Turnout. American journal of political science, 49(3), 577-592.

Wongsuwan, N., Jermsittiparsert, K., Tokeaw, W., & Boonsiri, K. (2022). News Consumption Behaviors among Voters in Capital's Gubernatorial Election: Evidence in Bangkok, Thailand. Przestrzen Spoleczna, 22(1), 305-324.