การใช้พื้นที่บนโซเซียลมีเดียของผู้ปกครองและเยาวชนไทยในครอบครัวไทยยุคดิจิทัล

Main Article Content

ณัฐพงค์ แย้มเจริญ
กรกช แสนจิตร
สุเทพ เดชะชีพ

บทคัดย่อ

บทความวิชาการนี้เป็นการนำเสนอความรู้จากโครงการ Co Loving Space :  โครงการวิจัยเพื่อสร้างการตระหนักรู้ละเข้าใจในสิทธิเสรีภาพบนพื้นที่โซเซียลมีเดียของเยาวชนและครอบครัว  ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เรื่องการใช้พื้นที่บนโซเซียลมีเดียของผู้ปกครองและเยาวชนในครอบครัวไทยยุคดิจิทัล เนื่องจากปัจจุบันสังคมไทยมีแนวโน้มเป็นครอบครัวเชื่อมต่อด้วยโซเซียลมีเดีย ปัญหาเรื่องช่องว่างระหว่างวัย  การเติบโตของสื่อโซเซียลมีเดีย  การรู้เท่าทันสื่อ และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมทำให้เกิดความขัดแย้งในการพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ร่วมกันบนโซเซียลมีเดียของคนในครอบครัว                                                                                                                                               


รูปแบบการใช้พื้นที่บนโซเซียลมีเดียของครอบครัวมี 7 รูปแบบได้แก่ 1.รูปแบบการใช้ร่วมกันปกติ 2.รูปแบบการใช้ร่วมกันโดยเยาวชนทำการคัดกรองด้วยระบบออนไลน์ 3.รูปแบบการใช้ร่วมกันภายใต้การได้รับอนุญาต 4.รูปแบบการใช้ร่วมกันภายใต้การสัญญาข้อตกลง  5. รูปแบบการใช้ร่วมกันในฐานะแพลตฟอร์มเดิมแบบคู่ขนาน 6. รูปแบบการใช้ไปใช้ร่วมกันในฐานะแพลตฟอร์มรอง  7. ไม่ใช้พื้นที่โซเซียลมีเดียร่วมกัน


รูปแบบและการใช้พื้นที่บนโซเซียลมีเดียร่วมกันในครอบครัวสอดคล้องกับพื้นฐานความสัมพันธ์และความเข้มแข็งของสมาชิกในครอบครัว แต่อย่างไรก็ดีโดยพื้นฐานต้องอาศัยความเข้าใจระหว่างกันและต้องใช้การสื่อสารอย่างเข้าอกเข้าใจเพื่อลดความขัดแย้ง แก้ไขปัญหาและรักษาสัมพันธภาพที่ดีของครอบครัวไว้

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
แย้มเจริญ ณ. ., แสนจิตร ก. ., & เดชะชีพ ส. . (2023). การใช้พื้นที่บนโซเซียลมีเดียของผู้ปกครองและเยาวชนไทยในครอบครัวไทยยุคดิจิทัล. นิเทศสยามปริทัศน์, 22(2), 100–112. สืบค้น จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/commartsreviewsiamu/article/view/269330
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรกช แสนจิตร (2560). สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ในฐานะเครื่องมือการสื่อสารในครอบครัวยุคดิจิทัล. การทำหน้าที่ในการสื่อสาร การเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ และการสร้างความเข้าใจร่วมกัน (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต).สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. กรุงเทพมหานคร

กรกช แสนจิตร และณัฐพงค์ แย้มเจริญ (2566). Co Loving Space : โครงการวิจัยเพื่อสร้างการตระหนักรู้ละเข้าใจในสิทธิเสรีภาพบนพื้นที่โซเซียลมีเดียของเยาวชนและครอบครัว. (รายงานการวิจัย). กรุงเทพมหานคร : กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

กุลทิพย์ ศาสตระรุจิ และภูเบศร์ สมุทรจักร (2560). การใช้สื่อสังคมเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกครอบครัวในสภาวะความเปราะปรางของครอบครัว. (รายงานการวิจัย). กรุงเทพมหานคร : กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

กุลทิพย์ ศาสตระรุจิ และภูเบศร์ สมุทรจักร (2563). สื่อสังคมกับครอบครัวไทย. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นาจรีย์ ชยะบุตร.(2564). ปัญหาทางกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิเด็กจากการถูกถ่ายภาพลงสื่อออนไลน์ .วารสารการเมืองการปกครอง. 11(2), 233

พรรณทิพย์ ศิริวรรณบุศย์.(2545). จิตวิทยาครอบครัว. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ภาษาอังกฤษ

Prensky.M. (2001). Digital natives.digital immigrants part 1. On the horizon. 9(5). 1-6. Yen.J.Chen.C., Chen, H., & Ko

ระบบออนไลน์”

Amnesty International Thailand (ม.ป.ป.). เสรีภาพในการแสดงออก. เข้าถึงได้จาก https://www.amnesty.or.th/our-work/freedom-expression/

Infoquest.(2566). เฟซบุ๊กและไลน์นั่งแท่นสื่อโซเชียลมีเดียยอดนิยม. เข้าถึงได้จาก https://www.infoquest.co.th/thailand-media-landscape-2023/social-media

O.T.K.(2566). คนไทยเข้าเว็บอะไรมากที่สุด? เช็คสถิติการใช้สื่อดิจิทัล อินเทอร์เน็ต ของคนไทย ปี 2023. เข้าถึงได้จาก https://droidsans.com/the-state-of-digita-in-thailand-in-2023/