ภาพสะท้อนเทรนด์แฟชั่นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15-17 จากรูปแบบและค่านิยมเครื่องแต่งกายภาพสลักสตรี อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
คำสำคัญ:
ภาพสะท้อนเทรนด์แฟชั่น, รูปแบบ, ค่านิยม, เครื่องแต่งกายภาพสลักสตรีบทคัดย่อ
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัย เรื่อง รูปแบบ ค่านิยมเครื่องแต่งกายสตรี-เทพนารีสลัก ปราสาทหินอีสานใต้ช่วงพุทธศตวรรษที่ 15-17 สู่การออกแบบผลิตภัณฑ์แฟชั่นและบรรจุภัณฑ์เชิงวัฒนธรรม โดยทําาการศึกษาเกี่ยวกับภาพสะท้อนเทรนด์แฟชั่นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15-17 จากรูปแบบและค่านิยมเครื่องแต่งกายภาพสลักสตรี อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ มีวัตถุประสงค์การศึกษาในครั้งนี้คือ 1. เพื่อศึกษารูปแบบและค่านิยมเครื่องแต่งกายภาพสลักสตรี อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง 2. เพื่อศึกษาภาพสะท้อนเทรนด์แฟชั่นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15-17 จากรูปแบบและค่านิยมเครื่องแต่งกายภาพสลักสตรี อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธีการดําาเนินการวิจัยด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลจากภาคเอกสารบนกรอบแนวคิดและทฤษฎี เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้านรูปแบบ ด้วยการใช้ทฤษฎีรูปแบบทางวัฒนธรรม (Configurationism) ซึ่งทําาการศึกษา โครงสร้าง ลวดลายและสัญลักษณ์ ในเครื่องแต่งกายภาพสลักสตรี อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง การศึกษาค่านิยม ซึ่งจะศึกษาทั้งค่านิยมทางศิลปะและค่านิยมทางศาสนา ที่ปรากฏในเครื่องแต่งกายภาพสลักสตรี อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง และการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการลงพื้นที่โดยใช้เครื่องมือการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง ด้วยการสัมภาษณ์ผู้รู้ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรผู้ให้ข้อมูลความรู้ จําานวน 3 คน เพื่อรวบรวมข้อมูลสู่การวิคราะห์เกี่ยวกับภาพสะท้อนเทรนด์แฟชั่น ด้วยการใช้หลักประติมานวิทยา แนวคิด ทฤษฎี ด้วยวิเคราะห์ข้อมูลได้เป็น 2 ส่วนคือ วิเคราะห์ข้อมูลแบบสร้างข้อสรุปและวิเคราห์ข้อมูลจากเนื้อหา นําาเสนอข้อมูลเป็นตารางและภาพประกอบแสดงตัวอย่างโดยการพรรณนาวิเคราะห์ ผลการวิจัยคือ 1. รูปแบบและค่านิยมเครื่องแต่งกายภาพสลักสตรี อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง โดยแบ่งการศึกษาตามสัดส่วนมนุษย์ พบว่าสตรีจะเปลือยอก มีทรงผมทั้งแบบปล่อยยาวและเกล้ามวยหลายลักษณะ ใช้เครื่องประดับทรงผมและศีรษะ รวมทั้งศิราภรณ์ต่าง ๆ หลายรูปแบบ สวมสร้อยคอ ต่างหู กําาไลต้นแขน กําาไลข้อมือ กําาไลข้อเท้า นิยมนุ่งผ้าแบบพับป้ายและชักชาย ด้านค่านิยมพบว่าภาพสลักสตรีเป็นตัวแทนของการกําาเนิดตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู หรือ ลักษณะของความงามสตรีเป็นสัญลักษณ์ของการบูชา การกําาเนิด การเจริญเติบโต 2. ภาพสะท้อนเทรนด์แฟชั่นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15-17 จากรูปแบบและค่านิยมเครื่องแต่งกายภาพสลักสตรี อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง โดยวิเคราะห์ตามนิยามเทรนด์แฟชั่นและหลักประติมานวิทยา พบว่า เทรนด์แฟชั่นสตรีในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15-17 มีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งทรงผม เครื่องประดับ ผ้านุ่ง โดยมีการจัดการโครงสร้าง จัดหมวดหมู่เครื่องแต่งกายตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายสตรีให้สวยงามและสื่อสารในเชิงสัญญะ ซึ่งอยู่บนกรอบของรูปแบบตามลําดับฐานันดรศักดิ์ตามแบบอินเดียและขอม สันนิษฐานว่ามีการใช้แต่งกายจริงของสตรีในสมัยนั้น น่าจะเป็นส่วนหนึ่งจากอิทธิพลการแต่งกายของสตรีสูงศักดิ์ ซึ่งในทางสังคมถือว่าเป็นต้นแบบรูปแบบเครื่องแต่งกายสตรีที่มีความสําาคัญและได้รับการยอมรับจากสังคม ส่งผลให้นิยมกันอย่างแพร่หลาย จึงปรากฏในภาพสลักสตรีในช่วงยุคสมัยเดียวกันและเป็นภาพสะท้อนเทรนด์แฟชั่นสตรีที่นิยมในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15-17
เอกสารอ้างอิง
กรมศิลปากร. (ม.ป.ป.). อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง. http://virtualhistoricalpark.finearts.go.th/phanomrung/index.php/th/virtual-model-360/phanomrung.html
กูรูพนมรุ้ง. (2554). Phnomrung พนมรุ้ง. https://phnomrung.blogspot.com
เฉลิม ยงบุญเกิด. (2557). บันทึกว่าด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีของเจินละ (พิมพ์ครั้งที่ 3). มติชน.
นงคราญ สุขสม. (2561). ถอดรหัสพระเจ้าฮินดู. พระรามศรีเอชั่น.
พลอยชมพู ปุณณวานิชศิริ. (2556). ลวดลายผ้านุ่งอัปสรา ปราสาทนครวัด (วิทยานิพนธ์ ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยศิลปากร.
วรรณวิภา สุเนต์ตา. (2556). ศิราภรณ์และงานประดับศิลปะเขมรในประเทศไทย ช่วงพุทธศตวรรษที่ 16-18. คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ศุภลักษณ์ สนธิชัย. (2554). ภาพสลักเทพีในปราสาทนครวัด (พิมพ์ครั้งที่ 2). อทิตตา.
สุภัทรดิศ ดิศกุล. (2547). ศิลปะขอมเล่ม 3. คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร.
Kroeber Alfred L. (2014-2015). History, Anthropology Department, UC Berkeley. University of California, Berkeley. Archived from the original.
Kent, D. (2013). Devata Goddess Temples. Apsara Research Archives.
Marchal, s. (2007). Khmer Costumes and Ornaments of the Devatas of Angkor Wat. Orchid Press.