ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการคิดเป็นของนักศึกษาระดับปริญญาตรี สังกัดสถาบันอุดมศึกษาในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง thinking khit pen
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาระดับของปัจจัยสัมพันธภาพระหว่างบุคคล มโนภาพแห่งตน วินัยในตนเอง การรับรู้ข่าวสารจากสื่อสารมวลชน และการคิดเป็นของนักศึกษาระดับปริญญาตรี สังกัดสถาบันอุดมศึกษาในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยสัมพันธภาพระหว่างบุคคล มโนภาพแห่งตน วินัยในตนเอง และการรับรู้ข่าวสารจากสื่อสารมวลชนกับการคิดเป็นของนักศึกษาระดับปริญญาตรีสังกัดสถาบันอุดมศึกษาในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (3) ศึกษาอิทธิพลทางตรง และทางอ้อมของปัจจัยที่มีต่อการคิดเป็นของนักศึกษาระดับปริญญาตรีสังกัดสถาบันอุดมศึกษาในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
ขนาดตัวอย่าง คือ นักศึกษาระดับปริญญาตรีสังกัดสถาบันอุดมศึกษาในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จำนวน 840 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อหาค่าสถิติพื้นฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และทดสอบโมเดลตามหลักการวิเคราะห์โมเดลสมการโครงสร้าง
ผลการวิจัย สรุปได้ดังนี้
1. นักศึกษามีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลอยู่ในระดับมาก มีมโนภาพแห่งตนอยู่ในระดับมาก มีวินัยในตนเองอยู่ในระดับมาก มีการรับรู้ข่าวสารจากสื่อสารมวลชนอยู่ในระดับมาก และการคิดเป็นของนักศึกษาอยู่ในระดับดีมาก
2. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยสัมพันธภาพระหว่างบุคคล มโนภาพแห่งตน วินัยในตนเอง การรับรู้ข่าวสารจากสื่อสารมวลชนกับการคิดเป็นของนักศึกษาระดับปริญญาตรีสังกัดสถาบันอุดมศึกษาในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทั้ง 4 ตัวแปรมีความสัมพันธ์กับการคิดเป็นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ปัจจัยวินัยในตนเองมีอิทธิพลทางตรงต่อการคิดเป็นสูงที่สุด ปัจจัยสัมพันธภาพระหว่างบุคคล ปัจจัยการรับรู้ข่าวสารจากสื่อสารมวลชนมีอิทธิพลทางอ้อมต่อการคิดเป็น และปัจจัยสัมพันธภาพระหว่างบุคคลมีอิทธิพลรวมสูงที่สุดต่อการคิดเป็นของนักศึกษาระดับปริญญาตรีสังกัดสถาบันอุดมศึกษาในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
Article Details
บทความวิชาการ บทความวิจัย และบทวิจารณ์หนังสือในวารสารดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์ เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน มิใช่ของคณะผู้จัดทำ และมิใช่ความรับผิดชอบของสมาคมปรัชญาดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (กรณีการทำวิจัยในมนุษย์ ผู้วิจัยต้องผ่านการอบรมจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ และนำหลักฐานมาแสดง)
เอกสารอ้างอิง
Ercan, L. E. (2010). An analysis of the relationship between attitudes towards seeking psychological help and problem solving amonguniversity students. Procedia-Social and Behavioral Sciences, 2(2), 1814-1819.
Hajiyakhchali, A. (2013). The effects of ereative problem solving process training on academic well-being of shahid Chamran University Students. Procedia-Social and Behavioral Sciences, 84(9), 549-552.
Maneewong, C. (n. d.). Student affairs administration. Bangkok: Amonkanpim. [In Thai]
Ministry of Education Office, the Education Council. (2011). The main policy to drive education reform in the second decade (A.D. 2554-2561). Retrieved November 30, 2018, from https://www.onec.gp.th [In Thai]
Office of the Non-Formal and Informal Education. (2008). Solve problems with “Thinking” (“khit pen”) processes. Retrieved November 30, 2018, from https://202.143.165.163/ebook_think [In Thai]
Phra Prom Khunaporn (P. A. Puyutto). (2012). Life manual. Bangkok: Amarin Printing. [In Thai]
Parsons, T. (1960). Administrative science quarterly: Effective of size, complexity and ownership in administrative intensity. New York: Holt, Rinehart, & Winston.
Panich, V. (2012). The way to create learning for students in the 21st Century. Bangkok: The Freshman Srisarindwiwong. [In Thai]
Poopunsri, V., & Dumrongpol, D. (2011). Applied developmental psychology in education. Bangkok: Ramkhamhaeng University Press. [In Thai]
Sanglerduthai, C. (2008). Factors affecting on self-discipline of student Nakhon Pathom Rajabhat University. Journal of Education, Khon Kaen University, 32(4), 47-53. [In Thai]
Smuttai, R. (2013). Pilot research to develop teacher production curriculum for the 21st Century. The national academic conference on educational research office of the secretary of education. Bangkok: Ministry of Education. [In Thai]
Sindhusen, U. (2016). “Thinking” (“khit pen”) of a world change. Bangkok: Phutawan. [In Thai]
Thitikunjaroen, S., & Suvachittanont, W. (2010). RU students’ listening behaviors and needs on educational radio programs. Bangkok: Ramkhamhaeng University Press. [In Thai]
Vorapipat, K. (2001). Thinking idea is to “make life with “thinking” (“khit pen”).” Bangkok: Mahachulalongkornrajavidyalaya University. [In Thai]
Wei, S. (2016). Harvard University’s world’s best teaching method, volume 2: The course of success for people who know how to think “thinking” (“khit pen”). Jiraporn Netsombat, (translator and compiler). Bangkok: B Media. [In Thai]
Wiratchai, N. (1999). LISREL model: Statistical analysis for research (3rd ed.). Bangkok: Chulalongkorn University Press. [In Thai]
Yoelao, D., Langka, W., Pimthong, S., & Peungposop. (2013). The evaluation of watching movies for enhancing inspiration of undergraduate students at Srinakharinwirot University. Bangkok: Srinakharinwirot University, Behavioral Science Research Institute. [In Thai]
