การพัฒนากฎหมายท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ปัญหาในการพัฒนากฎหมายท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ได้แก่ ปัญหาระยะเวลาในการพักใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ปัญหาการไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายให้อำนาจนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์มีอำนาจจับกุมผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และปัญหาการควบคุมผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ที่ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงหรือโฆษณาหรือชี้ชวน โดยการนำความหมายของธุรกิจนำเที่ยว แนวคิดการคุ้มครองผู้บริโภค แนวคิดการควบคุมธุรกิจนำเที่ยว ทฤษฎีด้านการพัฒนาการท่องเที่ยว และพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 มาใช้เป็นกรอบในการวิเคราะห์
ผลการวิเคราะห์ พบว่า การพัฒนากฎหมายท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 จะต้องมีการแก้ไขเพิ่มกฎหมายโดยกำหนดให้เพิ่มระยะเวลาในการพักใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ให้เป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 จำนวน 6 เดือน ระยะที่ 2 จำนวน 8 เดือน และระยะที่ 3 จำนวน 10 เดือน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับปรุงแก้ไขการประกอบอาชีพให้เป็นมาตรฐาน และต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายมาตรา 78 วรรคสองและวรรคสาม โดยกำหนดให้นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา รวมทั้งจะต้องกำหนดให้การโฆษณาธุรกิจนำเที่ยวต้องระบุหมายเหตุไว้ในส่วนท้ายของโฆษณาหรือชี้ชวนว่าในกรณีที่เกิดความเสียหายแก่นักท่องเที่ยวแล้วจะเยียวยาผู้เสียหายนั้นอย่างไร และในกรณีที่เกิดความเสียหายแล้วผู้ประกอบธุรกิจและมัคคุเทศก์จะต้องจัดทำเอกสารชี้แจงเหตุผล มาตรการในการแก้ไข ข้อปรับปรุงต่าง ๆ ให้แก่ คณะกรรมการทราบเป็นระยะ ๆ เช่น ทุก ๆ 3 เดือน จำนวน 3 ครั้ง เพื่อเฝ้าระวังการทำงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น และเรียกความมั่นใจของนักท่องเที่ยวที่มีต่อธุรกิจนำเที่ยวไทยให้กลับคืนมาโดยเร็ว
Article Details
บทความวิชาการ บทความวิจัย และบทวิจารณ์หนังสือในวารสารดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์ เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน มิใช่ของคณะผู้จัดทำ และมิใช่ความรับผิดชอบของสมาคมปรัชญาดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (กรณีการทำวิจัยในมนุษย์ ผู้วิจัยต้องผ่านการอบรมจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ และนำหลักฐานมาแสดง)
เอกสารอ้างอิง
Anekjumnongporn, P. (2015). The traveling behavior of the baby boomer generation in Bangkok. Master’s thesis of Arts, Bangkok University. [In Thai]
Chantaranamchoo, N., & Laophuangsak, P. (2014). Development of tourism products for elderly group by local operators in the western region for enhanced quality tourism. National Research Council of Thailand (NRCT) and The Thailand Research Fund (TRF). [In Thai]
Nopparat, N. (2008). Community participation in sustanable tourism development: A case study of Tambon Wiang Tai Municipality, Amphoe Pai, Changwat Mae Hong Son. Master’s of Arts, Chiang Mai University. [In Thai]
Singkhalah, S. (2019). Sustainable tourism development of Patong Beach Phuket province. Journal of Humanities and Social Sciences, Rajapruk University, 5(2), 110-124. [In Thai]
Thipayomahing, T. (2001). Factors influencing decision making of Thai tourists traveling to Chonburi and Chachoengsao provinces. Master’s of Arts, Rajabhat Rajanagarindra University. [In Thai]
Thongurai, T. R. (2013). International economic law, GATT and WTO, general chapter (4th ed.) Winyuchon. [In Thai]
Tudtim, P. (1995). ). People satisfaction to service delivery system and process of Bangkok Metropolitan Administration: A case study of Yannawa district office. Master’s of Arts, National Institute of Development Administration.
Wannathanom, C. (2004). Planning and organizing a tour program. Fueang Fa. [In Thai]
Wongwien, K. (2012). Strategic development of sustainable ecotourism: A case study of Samed Island, Rayong province. Doctoral thesis, Phranakhon Rajabhat University. [In Thai]