รูปแบบการพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้สำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ในเครือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

Main Article Content

เทียนชัย อร่ามหยก

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาปัจจัยด้านองค์กรแห่งการเรียนรู้และลักษณะการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้สำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในเครือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (2) ศึกษาปัจจัยด้านองค์กรแห่งการเรียนรู้และลักษณะการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่มีผลต่อการพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้สำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในเครือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ (3) หารูปแบบการพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ สำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในเครือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) งานวิจัยเป็นแบบผสมระหว่างเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง 400 คน จากพนักงานในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ในเครือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์สมการถดถอยเชิงพหุคูณ วิธีแบบขั้นตอน และข้อมูลเชิงคุณภาพจากกลุ่มตัวอย่าง 30 คน ด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้บริหารระดับกลางตั้งแต่ผู้จัดการแผนกขึ้นไป และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา


ผลการวิจัย พบว่า รูปแบบที่เหมาะสมในการพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ สำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ในเครือบริษัท บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) องค์ประกอบหลักที่สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านโครงสร้างองค์กร ด้านพนักงาน ด้านรูปแบบการบริหาร และด้านระบบปฏิบัติการขององค์กร และวิเคราะห์ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ พบว่า ปัจจัยสำคัญในการพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ประกอบไปด้วย ปัจจัยการจัดการองค์ความรู้ ปัจจัยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ปัจจัยการทดลองวิธีปฏิบัติในสิ่งใหม่ๆ และปัจจัยการถ่ายทอดความรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และพบว่าอีกว่า ปัจจัยการมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน และปัจจัยการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบมีอิทธิพลมากที่สุดต่อการพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
อร่ามหยก เ. (2022). รูปแบบการพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้สำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ในเครือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน). วารสารดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์, 12(1), 241–254. สืบค้น จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/phdssj/article/view/233153
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Garvin, D. A. (1993). Building a learning organization. Harvard Business Review, 71(4), 78-91.

Higgins, J. M. (1995). Innovate or evaporate: Test & improve your organization’s IQ-Its Innovation quotient. New Management Publishing.

Hoy, W. K., & Miskel, C. G. (2001). Educational administration: Theory, research, and practice (6th ed.). McGraw-Hill.

Juito, S. (2011). Management of new innovations (2nd ed.). Sukhothai Thammathirat Open University Press. [In Thai]

Kaiser, S. M. (2000). Mapping the learning organization: Exploring a model of organizational learning. Doctoral Dissertation of Philosophy, Louisiana State University.

Marquardt, M. J. (1994). Building the learning organization: A system approach to quantum improvement and global success. McGraw-Hill.

Marquardt, M. J., & Reynolds, A. (1994). The global learning organization. Irwin.

Senge, P. M. (1990). The fifth discipline: The art and practice of the learning organization. Doubleday.

Sunsaneevithayakul, I. (2011). Innovation and change management. Sukhothai Thammathirat Open University Press. [In Thai]

Texsanguan, B. (2012). The development model of learning organization and knowledge management by knowledge sharing via internet network. Doctoral Dissertation of Business Administration, King Mongkut’s University of Technology North Bangkok. [In Thai]

Yamane, T. (1967). Statistics: An introductory analysis (2nd ed.). Harper & Row.

Yodyingyong, K. (2009). Innovative organization: Concepts & process. Chulalongkorn University Press. [In Thai]