การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะเชิงบูรณาการสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและแนวโน้มความต้องการพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะเชิงบูรณาการสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ (2) สร้างรูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะเชิงบูรณาการสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ และ (3) ศึกษาผลการใช้รูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะเชิงบูรณาการสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ ดำเนินการวิจัยโดยใช้การวิจัยแบบผสมผสาน
ผลการวิจัย พบว่า (1) ผลการศึกษาสภาพปัจจุบันและแนวโน้มความต้องการพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะเชิงบูรณาการสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ พบว่า สภาพปัจจุบันของครู นักเรียน บุคลากร ผู้ปกครอง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยรวมอยู่ในระดับปานกลางทุกด้าน และความต้องการพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะเชิงบูรณาการสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ของครู นักเรียน บุคลากร ผู้ปกครอง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (2) รูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะเชิงบูรณาการสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ พบว่า รูปแบบมีองค์ประกอบ คือ SIEBNสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ ผลการตรวจสอบรูปแบบ ความถูกต้อง/ความเหมาะสม/ความเป็นไปได้/ประโยชน์ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และ (3) ผลการศึกษาการใช้รูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะเชิงบูรณาการสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ พบว่า ปีการศึกษา 2562 ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอยู่ในระดับดีเยี่ยม ผู้เรียนมีผลการประเมินสมรรถนะเชิงบูรณาการอยู่ในระดับดีเยี่ยม ร้อยละ 90.03 และความพึงพอใจของครู นักเรียน ผู้ปกครอง และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่มีต่อผลการการใช้รูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะเชิงบูรณาการสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ ระหว่างปีการศึกษา 2561 กับ ปีการศึกษา 2562 นั้นแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความวิชาการ บทความวิจัย และบทวิจารณ์หนังสือในวารสารดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์ เป็นความคิดเห็นของผู้เขียน มิใช่ของคณะผู้จัดทำ และมิใช่ความรับผิดชอบของสมาคมปรัชญาดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (กรณีการทำวิจัยในมนุษย์ ผู้วิจัยต้องผ่านการอบรมจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ และนำหลักฐานมาแสดง)
เอกสารอ้างอิง
Keeves, J. P. (1988). Educational research, methodology, and measurement: An international handbook. Pergamon.
Kodner, D. L. (2009). All together now: A conceptual exploration of integrated care. Healthcare Quarterly, 13(Special), 6-15.
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610.
Na Nan, R. (2007). Core competencies of chief administrators of the Tambon administrative organizations in Nan province. Master’s Independent Study of Public Admistration, Chiang Mai University. [In Thai]
Wonghong, D. (2007). The competency development of senior governing officers in the administration section: The Office of the Permanent Secretary, The Misnistry of Interior. Master’s Thesis of Arts in Political Science, Ramkhamhaeng University. [In Thai]