การเพิ่มประสิทธิภาพการสืบสวนข้อเท็จจริงในคดีอาญาของเจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์และวินิจฉัยร้องทุกข์ ตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528

บทคัดย่อ

บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์มาตรการแสวงหาพยานหลักฐานในการสืบสวนข้อเท็จจริงแก่เจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์และวินิจฉัยร้องทุกข์ในการรวบรวมพยานหลักฐานผู้กระทำผิดคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 โดยการนำแนวคิดอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ทฤษฎีการคบหาสมาคมที่แตกต่าง ทฤษฎีกลวิธีเพื่อความเป็นกลาง ทฤษฎีกลวิธีเพื่อความเป็นกลาง ทฤษฎีอาชญากรรมทางการเงิน อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร ค.ศ. 2000 และมาตรการสืบสวนสอบสวนของสหรัฐอเมริกา มาเป็นกรอบในการวิเคราะห์

ผลการวิเคราะห์ พบว่า มาตรการในการสืบสวนข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันมีความล้าสมัย ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันโดยเฉพาะการสืบสวนข้อเท็จจริงความผิดในคดีอาญาที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นองค์กร และมีวิธีการปิดบัง อำพราง ซ่อนเร้นพยานหลักฐานที่เป็นข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งยากแก่การตรวจสอบและยึดไว้เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีอาญา ดังนั้น การกำหนดให้อำนาจในการเรียกพยานหลักฐานที่เป็นข้อมูลระบบสื่อสารโทรคมนาคม หรือข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ หรือบัญชีธนาคาร และอำนาจในการตรวจค้นเคหสถาน หรือสถานที่ใด หรือยานพาหนะ เพื่อให้ได้มาซึ่งพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่เจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์และวินิจฉัยร้องทุกข์ในการแสวงหาพยานหลักฐาน ในการปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมที่หลอกลวงคนไทยไปทำงานในต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ