สมรรถนะในยุคการเปลี่ยนแปลงของนักศึกษาวิชาชีพครู
Main Article Content
บทคัดย่อ
การพัฒนาการศึกษาและคุณภาพของผู้เรียนจะสำเร็จได้นั้นสมรรถนะของครูเป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งหลายหน่วยงานทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องจึงได้กำหนดกรอบสมรรถนะของครูไว้เพื่อเป็นแนวทาง ในการพัฒนาครูให้เป็นครูมืออาชีพที่นักศึกษาวิชาชีพครูต้องถูกประเมินตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติที่ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่กำกับ และประสานให้สถาบันผลิตพัฒนาครูมีความพร้อมในการพัฒนาสมรรถนะของครูผู้สอนในศตวรรษที่ 21 สมรรถนะเป็นคุณลักษณะที่ซ่อนอยู่ภายใน ตัวบุคคลซึ่งมาจากความรู้ ทักษะ แรงจูงใจ ทัศนคติ และคุณลักษณะอื่น ๆ ที่ให้สร้างผลงานตามเกณฑ์มาตรฐานในงานที่ตนรับผิดชอบ สมรรถนะครูจึงจำเป็นต่อการปฏิบัติวิชาชีพครูให้บรรลุอย่างมีประสิทธิภาพตามความต้องการขององค์การทางการศึกษายุคปฏิรูปการศึกษา และคณะกรรมการ คุรุสภาได้กำหนดรายละเอียดของสมรรถนะตามมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครู ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาให้การรับรองปริญญา และประกาศนียบัตรทางการศึกษาเพื่อการประกอบวิชาชีพครูของสถาบันต่าง ๆ ที่เสนอให้คุรุสภารับรองตั้งแต่ปีการศึกษา 2562 เป็นต้นไป ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศต้องผ่านการทดสอบ และประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู สมรรถนะวิชาชีพครูจึงเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาคุณภาพครูให้มีความรู้ ความสามารถ และให้ความสำคัญแก่กระบวนการเรียนการสอนควบคู่กับการปลูกฝัง ด้านคุณธรรม จริยธรรม และทักษะวิชาชีพ รวมถึงประเมินผลในทุกมิติ จึงต้องมีสมรรถนะที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพครูเพื่อสอดคล้องกับยุคการเปลี่ยนแปลงของนักศึกษาวิชาชีพครูที่เน้นสมรรถนะเป็นฐาน ในการจัดการเรียนการสอนและการประเมินผลมิใช่เน้นหลักสูตรอิงมาตรฐานเช่นแต่เดิม
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
ตรีนุช เทียนทอง. (2566). “กลุ่มมรภ.38 แห่งเปิดโมเดลพัฒนาครูฐานสมรรถนะ”. สืบค้นจาก https://www.dailynews.co.th/news/1996231/
เทื้อน ทองแก้ว. (2556). สมรรถนะ(Competency): หลักการและแนวปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย สวนดุสิต.
บังอร เสรีรัตน์. (2562). บรรยายพิเศษ โครงการ พัฒนาระบบบริหารจัดการด้านการประกันคุณภาพการศึกษา : มหกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการเรียนการสอน ครั้งที่ 3 “การเรียนรู้เชิงรุกเพื่อพัฒนาสมรรถนะผู้เรียน” 22 พฤษภาคม 2562. ณ ห้องประชุมคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา.
พนา จินดาศรี. (2557). การศึกษาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาวิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ในบทความวิชาการวิจัย (รายงานการวิจัย). กรุงเทพฯ: สมาคมวิจัย สถาบันและพัฒนาอุดมศึกษา.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2553). คู่มือการประเมินสมรรถนะครู. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา.
พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพรทิพย์ แข็งขัน. (2551). สมรรถนะครูและแนวทางการพัฒนาครูในสังคมที่เปลี่ยนแปลง. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิก.
มาตรฐานความรู้วิชาชีพครูฐานสมรรถนะของคุรุสภา. (2561). ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่องสาระความรู้ สมรรถนะ และประสบการณ์วิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพครู. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา.
ราชกิจจานุเบกษา. (2563). ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง รายละเอียดของมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครูตามข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562. สืบค้นจาก http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/109/T_0010.PDF.
วนิดา ภูวนารถนุรักษ์. (2552). สมรรถนะครูไทย. วารสารรามคําแหง, 26(5), 61-71.
วิจารณ พานิช. (2555). องค์แห่งการเรียนรู้และการจัดการความรู้. กรุงเทพฯ: ตถาตาพับบลิเคชัน.
วิโฬฏฐ์ วัฒนานิมิตกูล. (2563). บอกเล่าสาระสำคัญในการปรับปรุงเกณฑ์มาตรฐานระดับอุดมศึกษา และ มคอ. : ปรับประยุกต์สู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2558). นโยบายสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานปีงบประมาณ. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
สุกัญญา ทองนาค. (2555). การพัฒนาแบบทดสอบสมรรถนะนักศึกษาตามมาตรฐานวิชาชีพครูแบบพหุมิติที่มีการตรวจให้คะแนนแบบพหุวิภาค (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต).จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.
Boyatzis, R.E. (1982). The Competent Manager: A Model for Effective Performance. New York: John Wiley & Son.
Fey, M. K., & Miltner, R. S. (2000). A competency-based orientation program for new graduate
nurses. Journal of Nursing Administration, 30(3), 126-132.
McClelland, D.C. (1993). Testing for Competence rather than for Intelligence. American Psychologist, 28(1), 1–14.