การพัฒนารูปแบบการจัดการความรู้สำหรับโรงเรียนในจังหวัดชัยภูมิ

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการจัดการความรู้สำหรับโรงเรียนในจังหวัดชัยภูมิ 2) เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นในการพัฒนารูปแบบการจัดการความรู้สำหรับโรงเรียนในจังหวัดชัยภูมิ 3) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการความรู้ สำหรับโรงเรียนในจังหวัดชัยภูมิ กลุ่มตัวอย่างเป็นครูหรือผู้บริหาร โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ชัยภูมิ เขต 1,2,3 และมัธยม 30 จำนวน 300 คนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ชนิด 5 ระดับตามสภาพปัจจุบัน กับสภาพที่พึงประสงค์สถิติที่ใช้ในการวิจัยเทคนิควิธีการวิเคราะห์แบบ PNIModified การ วิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ (EFA) ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการจัดการความรู้สำหรับโรงเรียนในจังหวัด ชัยภูมิโดยมีค่าเฉลี่ยของสภาพปัจจุบัน เท่ากับ 3.25 และสภาพที่พึงประสงค์มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.56 2. ความต้องการจำเป็นในการพัฒนารูปแบบการจัดการความรู้สำหรับโรงเรียนในจังหวัดชัยภูมิโดยมี ค่า ความต้องการจำเป็น และการเรียงลำดับ Priority Need Index (PNIModified) เท่ากับ .43 หรือมีค่าของความจำเป็นในการพัฒนาเท่ากับร้อยละ 43 3. รูปแบบการจัดการความรู้สำหรับโรงเรียนในจังหวัดชัยภูมิมี 5 องคประกอบคือ 1) สร้างคลังความรู้ (Knowledge Assets) 2) มุ่งสู่การแลกเปลี่ยน (Knowledge Sharing) 3) สร้างความรู้ใหม่ (Knowledge Creating) 4) ใส่ใจการสืบค้น (Knowledge Searching) 5) แยบยนการสื่อสาร (Knowledge Communication) ซึ่งผู้วิจัยได้ตั้งชื่อรูปแบบการจัดการความรู้สำหรับ โรงเรียนในจังหวัดชัยภูมิ คือ ASCSC Model