ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการปฏิบัติงานตำรวจชุมชนสัมพันธ์ ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 3
คำสำคัญ:
ยุทธศาสตร์ในการพัฒนา, การปฏิบัติงานตำรวจชุมชนสัมพันธ์, กองบังคับการตำรวจนครบาล 3บทคัดย่อ
การศึกษาเรื่อง “ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการปฏิบัติงานตำรวจชุมชนสัมพันธ์ในกองบังคับการตำรวจนครบาล 3” มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาตัวแปรเชิงยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการปฏิบัติงานตำรวจชุมชนสัมพันธ์ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ประกอบด้วย 8 ด้าน ได้แก่ ด้านบุคลิกภาพ ด้านมนุษยสัมพันธ์ ด้านการให้บริการ ด้านปฏิบัติหน้าที่ ด้านงบประมาณ ด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ด้านการพัฒนาบุคลากรและ ด้านสมรรถนะ 2) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการพัฒนาการปฏิบัติงานตำรวจชุมชนสัมพันธ์ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ประกอบด้วย 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการบรรลุเป้าหมาย ด้านความสามารถในการสร้างความพึงพอใจ ความสามารถในการสร้างการมีส่วนร่วม ด้านผลลัพธ์การปฏิบัติการงาน และ 3) เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการปฏิบัติงานตำรวจชุมชนสัมพันธ์ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยการใช้การวิจัยแบบผสมวิธี เป็นรูปแบบการวิจัยเชิงผสมผสานโดยเริ่มต้นการวิจัยด้วยวิธีเชิงปริมาณ โดยเก็บข้อมูล 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) ตำรวจชุมชนสัมพันธ์กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 จำนวน 62 คน และ 2) ประชาชนทั่วไป ในชุมชนต่างๆ จำนวน 400 คน และการวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก โดยการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2) นักวิชาการด้านการพัฒนาตำรวจและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมในชุมชน 3) ผู้นำชุมชนกำนัน และนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาร่วมกระบวนการ และ 4) ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานอื่นๆ จำนวนรวม 18 ท่าน ผลการวิจัย พบว่าค่าสหสัมพันธ์ ถดถอยพหุคูณ ระหว่างตัวแปรตามกับปัจจัยตัวแปรต้นทั้ง 8 พบว่า สามารถพยากรณ์ได้ทั้ง 8 ตัว ระหว่างตัวแปรตามและปัจจัยทั้งหมด หรือค่า R Square สามารถพยากรณ์ได้ประมาณ 76.7 % จากการวิเคราะห์ผลสามารถเรียงลำดับค่าอิทธิพลของตัวแปรต้นที่มีต่อตัวแปรตาม ดังต่อไปนี้ ลำดับที่ 1 ด้านมนุษยสัมพันธ์ โดยมีค่าสัมประสิทธ์ 0.312 ลำดับที่ 2 ด้านการพัฒนาบุคลากรโดยมีค่าสัมประสิทธ์ 0.298 ลำดับที่ 3 ด้านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ โดยมีค่า สัมประสิทธ์ 0.297 ลำดับที่ 4 ด้านการให้บริการ โดยมีค่าสัมประสิทธ์ 0.295 ลำดับที่ 5 ด้านงบประมาณ โดยมีค่าสัมประสิทธ์ 0.241 ลำดับที่ 6 ด้านสมรรถนะ โดยมีค่าสัมประสิทธ์ 0.238 ลำดับที่ 7 ด้านบุคลิกภาพ โดยมีค่าสัมประสิทธ์ 0.235 และ ลำดับที่ 8 ด้านปฏิบัติหน้าที่โดยมีค่าสัมประสิทธ์ 0.198 ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่จะนำไปประยุกต์ใช้ต้องมีการพิจารณาให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมทั้งสอดคล้องกับสถานการณ์ในขณะนั้น เพื่อให้เกิดความมีประสิทธิผลมากที่สุด ในการทำประโยชน์ให้กับประชาชน สังคม และประเทศชาติ ต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กองบัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ. (2560). คู่มือเสริมสร้างการปฏิบัติตามประมวล จริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ.
คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ, สำนักงาน. (2560). คู่มือการดำเนินการตามระเบียบ กตช. ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ พ.ศ. 2560.
กรุงเทพมหานคร : สำนักงานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ.
ชาญคณิต กฤตยา สุริยะมณี และ อุนิษา เลิศโตมรสกุล. (2555). “การนำกลยุทธ์แบบ Community Policing มาประยุกต์ใช้ในการป้องกันอาชญากรรมในเขตเมือง: กรณีศึกษา ชุมชนในเขต ลาดพร้าว บางนาและบางพลัด กรุงเทพมหานคร”. วารสารกระบวนการยุติธรรม ปีที่ 5 กันยายน - ธันวาคม 2555.
ตำรวจภูธรภาค 1. (2560). แผนปฏิบัติการชุมชนและมวลชนสัมพันธ์ ตำรวจภูธรภาค 1 ประจำปี พ.ศ. 2559. กรุงเทพฯ : ตำรวจภูธรภาค 1.
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ. (2560). รายงานผลการปฏิบัติงานชุมชนและมวลชนสัมพันธ์ประจำปี 2559. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานตำรวจแห่งชาติ.
________. (2560). แนวทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานชุมชนและมวลชนสัมพันธ์. กรุงเทพฯ
Correia, Mark, E. (2010). Citizen Involvement: How Community Factors Affect Progressive Policing. Police Executive Research Forum.
Schneider, Andrea. (2003). Community Policing in Action: A Practitioner’s View of Organizational Change. US Department of Justice Office of Community Orientated Policing Services, June.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยปทุมธานี
ข้อความที่ปรากฎในบทความแต่ละเรื่อง เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และไม่มีส่วนรับผิดชอบใด ๆ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว