ปัจจัยที่มีผลต่อความรับผิดชอบต่อสังคมของวัดในจังหวัดปทุมธานี ศึกษาเฉพาะกรณีวัดในเขตอำเภอลาดหลุมแก้ว

ผู้แต่ง

  • รัตนภัทรคุณ พระครู นักศึกษารัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยปทุมธานี

คำสำคัญ:

การบริหารจัดการวัด, ความรับผิดชอบต่อสังคม

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์ของการศึกษาเรื่องปัจจัยที่มีผลต่อความรับผิดชอบต่อสังคมของวัดในจังหวัดปทุมธานี ศึกษาเฉพาะกรณี วัดในเขตอำเภอลาดหลุมแก้ว ได้แก่ ความคิดเห็นเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสังคม ขนาดกลุ่มตัวอย่างได้มาจากตารางของ Krejcie and Morgan (1970) และใช้เทคนิคเลือกตัวอย่างแบบตามสะดวกศึกษาประชากรพระสงฆ์ จำนวน 226 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลได้แก่ แบบสอบถาม นอกจากนี้ ยังศึกษา เชิงคุณภาพโดยการสัมภาษณ์ผู้ให้ข่าวคนสำคัญ(พระสงฆ์ที่มีตำแหน่งทางการปกครอง) จำนวน 9 รูป และการทดสอบสมมุติฐานใช้การวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุคูณแบบมีขั้นตอน (Stepwise Multiple Regression) ผลการศึกษาปรากฏว่า ดังนี้ 1.ความคิดเห็นเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสังคมในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ได้แก่ การบริหารจัดการทรัพยากร การบริหารจัดการองค์กร การวางแผน การสั่งการ การบริหารบุคลากร และการควบคุมภายในวัด 2.ความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักความรับผิดชอบต่อสังคม ภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งเรียงลำดับจากมากไปหาน้อยในรายข้อคือ การปฏิบัติมีอย่างมีจริยธรรม การเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชน การเคารพต่อผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสีย ความโปร่งใส และการเคารพต่อการปฏิบัติตามแนวทางสากล 3.ปัจจัยที่มีผลต่อความรับผิดชอบต่อสังคมของวัดในจังหวัดปทุมธานี ได้แก่ การบริหารจัดการองค์กร การวางแผน การสั่งการ และการควบคุมภายในวัด 4.ผลการศึกษาเชิงคุณภาพ สรุปได้ดังนี้ 4.1 สำนึกของความรับผิด : วัดและคนในสังคมควรพึ่งพาอาศัยกันและวัดเป็นผู้นำทางศีลธรรมแต่ไม่มีการมีส่วนร่วมของคนการบริหารจัดการวัด 4.2 ความโปร่งใส : ระเบียบและกฎเกณฑ์ที่มีอยู่ไม่เพียงพอสำหรับการบริหารจัดการเงินอย่างเป็นระบบ 4.3 การมีจริยธรรม : วัดเป็นผู้นำจริยธรรมโดยหน้าที่ของพระสงฆ์มีหน้าที่เผยแผ่ หลักธรรมคำสอน ขัดต่อธรรมวินัย 4.4 การเคารพต่อผลประโยชน์ของผู้ที่ส่วนได้ส่วนเสีย ไม่มีการเคารพอยู่ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย วัดจำนวนมากร่ำรวย แต่ประชาชนในท้องถิ่นยากจน 4.5 การเคารพต่อการปฏิบัติตามแนวทางสากล : การบริหารจัดการของสงฆ์ ควรกระจายอำนาจ เพื่อให้การปัญหามีประสิทธิภาพ 4.6 การเคารพต่อสิทธิมนุษยชน : โดยหลักการทุกคนที่นับถือศาสนาพุทธ สามารถประพฤติปฏิบัติตามคำสอนได้เท่าเทียมกัน ยกเว้นการบวชพระภิกษุ ซึ่งอนุญาตให้เฉพาะชายเท่านั้น ส่วนหญิงสามารถบวชชีได้ 4.7 การเคารพต่อหลักนิติธรรม : ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารจัดการ นอกจากต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของมหาเถรสมาคม ยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายของบ้านเมืองด้วย

เอกสารอ้างอิง

คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2542). คู่มือการบริหารและจัดการวัด ฉบับย่อ. กรุงเทพฯ : กรมการศาสนา.
จุมพล สวัสดิยากร. (2520. หลักและวิธีวิจัยทางการสังคมศาสตร์. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธีรยุทธ บุญมี. (2541). ธรรมรัฐแห่งชาติ ยุทธศาสตร์กู้หายนะประเทศไทย. กรุงเทพฯ: สายธาร.
สุวรรณ พระมหาอนุศักดิ์ จันทราลักษณ์. (2544). ปัญหาและแนวทางแก้ปัญหาการบริหารจัดการวัด
ของเจ้าอาวาสในจังหวัดมหาสารคาม. รายงานการค้นคว้าอิสระ ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต,สาขาการศึกษานอกระบบ, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
วรพงศ์ มหาโพธิ์ (2547). การพัฒนาชุมชนว่าลักษณะองค์การที่มีประสิทธิภาพ. วิทยานิพนธ์มนุษย์ศาสตรดุษฎีบัณฑิต. มหาวิทยาลัยรามคำแหง
อารยา กอบความดี. (2552). การบริหารวัดตามหลักธรรมาภิบาล: กรณีศึกษาวัดสามพราน จังหวัด นครปฐม. วิทยานิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มนัส ภาคภูมิ และคณะ (2540). การพัฒนารูปแบบการจัดการการศึกษาพระปริยติธรรม แผนกสามัญศึกษา. กรุงเทพฯ : กองแผนงาน กรมการศาสนา.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). “Determining Sample Size for Research Activities”. Educational and Psychological Measurement. Vol.30(No.3), pp. 607-610.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-12-30

รูปแบบการอ้างอิง

พระครู ร. (2019). ปัจจัยที่มีผลต่อความรับผิดชอบต่อสังคมของวัดในจังหวัดปทุมธานี ศึกษาเฉพาะกรณีวัดในเขตอำเภอลาดหลุมแก้ว. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยปทุมธานี, 11(2), 95–111. สืบค้น จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/ptujournal/article/view/216290