หลักสิทธิมนุษยชนกับการใช้อำนาจของพนักงานสอบสวนกรณีการนำชี้ที่เกิดเหตุ
คำสำคัญ:
สิทธิมนุษยชน, อำนาจพนักงานสอบสวน, การสอบสวน, การนำชี้ที่เกิดเหตุบทคัดย่อ
สิทธิมนุษยชนถือเป็นสิทธิของมนุษย์ทุกคนซึ่งติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ไม่มีการแบ่งแยก ไม่ว่าชนชาติ เชื้อชาติ เพศ ภาษา ศาสนาหรือวัฒนธรรมใด มีความเป็นอิสระ มีเสรีภาพ มีความเสมอภาค และไร้ซึ่งพรมแดน ดังนั้นจึงไม่มีบุคคล องค์กร หรือแม้แต่รัฐที่จะมาล่วงละเมิดสิทธิในความเป็นมนุษย์ได้ นอกจากนี้แล้วยังเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่จะช่วยให้มนุษย์มีชีวิตรอดสามารถพัฒนาตนเองเพื่อให้บรรลุถึงการมีชีวิตอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเหมาะสมในฐานะที่เกิดเป็นมนุษย์ และมีสิทธิในปัจจัยที่เป็นเครื่องมือในการพัฒนา เช่น การได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การได้รับสัญชาติ การมีงานทำ การได้รับบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึง การไม่ถูกทรมาน และการได้รับความเป็นธรรมเมื่อถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามกฎหมาย แต่ในเมื่อมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ถ้าสังคมไม่เอื้อต่อการพัฒนามนุษย์แล้วตัวมนุษย์เองก็จะไม่สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ จึงส่งผล ทำให้สิ่งที่มีความจำเป็นและมีความสำคัญต่อความเป็นมนุษย์เป็นสิทธิของความเป็นมนุษย์ด้วย ปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าสิทธิมนุษยชนเป็นระบบคุณค่าที่มนุษย์พึงใช้ในการจัดความสัมพันธ์ระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นระหว่างประชาชนด้วยกัน หรือระหว่างรัฐกับประชาชน เพื่อเป็นการลดการทำลายคุณค่าความเป็นมนุษย์ ดังนั้นการเคารพสิทธิมนุษยชนจึงเป็นพื้นฐานสำคัญในการปลูกจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์ และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในสังคม กรณีการปฏิบัติของพนักงานสอบสวนในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐที่ให้ผู้ต้องหาออกไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพนั้น ถึงแม้ว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติในเรื่องของการนำตัวผู้กระทำผิดทางอาญามาลงโทษ การกำหนดมาตรการที่เป็นการให้อำนาจเจ้าพนักงานทั้งการสอบสวนหรือรวบรวมหลักฐานที่เป็นเป็นพยานบุคคล พยานวัตถุ พยานเอกสาร พยานทางนิติวิทยาศาสตร์ และการดำเนินการในเรื่องอื่น ๆ เช่น การสอบปากคำผู้ต้องหา การใช้มาตรการบังคับในการจับ การค้น หรือการควบคุม การจัดให้มีการยืนยันตัวผู้กระทำความผิดหรือชี้ตัวผู้ต้องหา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่าง ๆ หรือเพื่อพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ และเพื่อที่จะเอาตัวผู้กระทำความผิดมาฟ้องลงโทษ แต่อย่างไรก็ดีกรอบแนวคิดของกฎหมายดังกล่าวก็ยังคงต้องอยู่ภายใต้บังคับหลักเกณฑ์ของการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่ถือเป็นหลักประกันแห่งสิทธิของประชาชน ดังนั้นการปฏิบัติของพนักงานสอบสวนที่ให้ผู้ต้องหาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพนั้น จึงถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติที่ละเมิดสิทธิของผู้ต้องหาทั้งในเรื่องที่ได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์ สิทธิที่ผู้ต้องหาจะไม่ให้การปรักปรำตนเอง สิทธิที่จะนิ่งไม่ให้การใด ๆ และสิทธิที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมและได้รับการเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประกอบกับในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาก็ไม่ได้มีการบัญญัติถึงแนวทางการปฏิบัติในกรณีนี้เอาไว้โดยตรง ดังนั้นในการปฏิบัติของพนักงานสอบสวนที่ผ่านมาจึงถือว่าเป็นการปฏิบัติโดยมิชอบ และทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น ปัญหาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติถูกฟ้องให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในเรื่องความรับผิดทางละเมิดที่เกิดจากการปฏิบัติของพนักงานสอบสวน เป็นต้น ผู้เขียนจึงมีข้อเสนอแนะให้เห็นถึงขอบเขตในการปฏิบัติของพนักงานสอบสวนที่ถูกต้องเหมาะสมระหว่างเรื่องของการใช้อำนาจในกรณีของการรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ กับการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาเพื่อให้สอดรับกับหลักสิทธิมนุษยชนสากลและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเพื่อจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและวิธีการปฏิบัติให้ถูกต้องและเป็นสากลในโอกาสต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กิตติพงษ์ กิตยารักษ์. (2541). กระบวนการยุติธรรมบนเส้นทางของการเปลี่ยนแปลง. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์วิญญูชน
กิตติพงษ์ กิตยารักษ์,ชาติ ชัยเดชสุริยะ และณัฐวสา ฉัตรไพทูรย์. (2548). มาตรฐานองค์การ สหประชาชาติว่าด้วยกระบวนการยุติธรรมทางอาญา. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์เดือนตุลา.
กุลพล พลวัน. (2538). พัฒนาการสิทธิมนุษยชน. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์วิ ญญูชน.
คณิต ณ นคร. (2540). รวมบทความด้านวิชาการของศาสตราจารย์ ดร.คณิต ณ นคร. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานอัยการสูงสุด.
จุฑารัตน์ เอื้ออำนวย. (2553). บันทึกการเสวนา เรื่องสิทธิมนุษยชนระหว่างตำรวจกับผู้ต้องหา. วันที่ 14 มกราคม 2553 ณ ห้องประชุมศิษย์เก่าคณะรัฐศาสตร์ สถาบันนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ชาติ ชัยเดชสุริยะ. (2549). มาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
เดโช สมศรีธนาเดช. (2557). การทำแผนประทุษกรรมและการแถลงข่าวสื่อมวลชน. วิทยานิพนธ์ปริญญานิติศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.
ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์. (2542). ปัจจัยที่ทำให้กฎหมายขาดประสิทธิภาพ. กรุงเทพมหานคร : วิทยาลัยการยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม.
เนติบัณฑิตยสภา. (2558). คำบรรยายเนติบัณฑิต ภาค 2. สิทธิมนุษยชนในกระบวนการ ยุติธรรม. กรุงเทพมหานคร : สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา.
ไพโรจน์ พลเพชร และณฐกร ศรีแก้ว. (2549). โครงการศึกษาสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามกรอบรัฐธรรมนูญในบริบทของสังคมไทยและมาตรฐานสากลระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน. กรุงเทพมหานคร : กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม.
ภัทรวิทย์ อบสุวรรณ. (2550). การทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพในระบบ กฎหมายไทย. วิทยานิพนธ์ปริญญานิติศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วีระ โลจายะ. (2532). กฎหมายสิทธิมนุษยชน. กรุงเทพมหานคร : ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงพิมพ์ชวนพิมพ์.
สมชาย กษิติประดิษฐ์. (2555). สิทธิมนุษยชน. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ. (2561). วารสารวิชาการสิทธิมนุษยชน ปีที่ 3 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถุนายน 2561). กรุงเทพมหานคร : คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ.
เสน่ห์ จามริก. (2542). เกณฑ์คุณค่าและฐานความผิด. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
อุดม รัฐอมฤต, นพนิธิ สุริยะ และบรรเจิด สิงคะเนติ. (2554). การอ้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือใช้สิทธิและเสรีภาพของบุคคลธรรมดาตามมาตรา 28 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540. กรุงเทพมหานคร : นานาสิ่งพิมพ์
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยปทุมธานี
ข้อความที่ปรากฎในบทความแต่ละเรื่อง เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และไม่มีส่วนรับผิดชอบใด ๆ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว