ปัจจัยแรงจูงใจที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรม การป้องกันยาเสพติดโรงเรียนมัธยมศึกษา ในจังหวัดนราธิวาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 15
คำสำคัญ:
ปัจจัยแรงจูงใจ, อิทธิพลต่อพฤติกรรม, การป้องกันยาเสพติดบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับพฤติกรรมการป้องกันยาเสพติดของนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษา 2) ศึกษาระดับปัจจัยแรงจูงใจที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมป้องกันยาเสพติดของนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษา และ 3) กลยุทธ์การป้องกันยาเสพติดของนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษา เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี ประชากร ได้แก่ นักเรียนระดับ ม.1-ม.6 ในโรงเรียนของนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษา ในจังหวัดนราธิวาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 15 จำนวน 10,891 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้สูตรของ ทาโร่ ยามาเน่ ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 367 คน ด้วยการสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์เชิงลึก จำนวน 18 คน สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าสัมประสิทธิสหสัมพันธ์เพียร์สันและการวิเคราะห์ความถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับพฤติกรรมการป้องกันยาเสพติดของนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด ได้แก่ ท่านไม่ไปเที่ยวในสถานที่ ๆ มีข่าวเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างแน่นอน รองลงไป คือ ท่านใส่ใจในการรับข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดเสมอ และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ท่านหลีกเลี่ยงที่จะคบหากับคนที่มีพฤติกรรมใช้ยาเสพติด 2) ระดับปัจจัยแรงจูงใจที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมป้องกันยาเสพติดของนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด ได้แก่ ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว รองลงไป คือ การควบคุมตนเอง และด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ การรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับยาเสพติด และ 3) กลยุทธ์การป้องกันยาเสพติดของนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษา คือ มีการวางแผนป้องกันและขั้นตอนในการรับมือเกี่ยวกับการติดยาเสพติดของนักเรียน โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการ สาธารณสุข และชุมชน มีการจัดให้มีการให้คำปรึกษากับนักเรียนและมีการจัดกิจกรรมเสริมสร้างกำลังใจให้กับนักเรียนเสมอด้วยความร่วมมือที่ดีจากภาครัฐและประชาสังคม โดยสามารถที่จะร่วมกันทำนายพฤติกรรมการป้องกันยาเสพติดของนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาได้ร้อยละ 78.10 (R2)=.78
เอกสารอ้างอิง
กมล รอดคล้าย. (2551). “ศธ.เผยนโยบายแก้เด็กติดยา เน้นกรองเด็กกลุ่มเสี่ยง-ฟื้นคุณธรรม.”ข่าวสด, 25 ธันวาคม 2551, 15.
เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ภักดี. (2546). “สร้างชุมชนนิยม ช่วยเยาวชนไทยห่างไกลยาเสพติด”. วารสารสำนักงานป้องกันและปราบปราม (ป.ป.ส.) ปีที่ 17 ฉบับที่ 2. หน้า 70 75.
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด. (2545). แผนแม่บทเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในช่วงแผนฯ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545-2549). กรุงเทพมหานคร : การศาสนา
โครงการติดตามสภาวการณ์เด็กและเยาวชนรายจังหวัดปี 2548 - 2549 [ออนไลน์] . เข้าถึงได้จาก http://www.childwatchthai.com. เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2553.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2560). แผนแม่บทเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564). กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์กรมการศาสนา.
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2560). สรุปข้อมูลสถิติสำคัญและประเด็นเด่น : ผลสำรวจสำมะโน พ.ศ. 2560. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานสถิติแห่งชาติ.
Yamane. Taro. (1970). Statistics: An Introductory Analysis. New York: Harper.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยปทุมธานี
ข้อความที่ปรากฎในบทความแต่ละเรื่อง เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และไม่มีส่วนรับผิดชอบใด ๆ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว