ความยึดมั่นผูกพันต่อวิชาชีพครูของนักศึกษาครู มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
คำสำคัญ:
ความยึดมั่นผูกพัน , นักศึกษาครู , วิชาชีพครูบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาความยึดมั่นผูกพันต่อวิชาชีพครูของนักศึกษาครู มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ 2) เพื่อเปรียบเทียบความยึดมั่นผูกพันต่อวิชาชีพครูของนักศึกษาครู มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำแนกตาม เพศ กลุ่มสาขาวิชา การตัดสินใจเลือกเรียน และระดับผลการเรียนเฉลี่ยสะสม ตัวอย่าง คือ นักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 268 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถามชนิดมาตรประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเที่ยงแบบวิธีสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคทั้งฉบับเท่ากับ .97 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยาย ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้สถิติเชิงสรุปอ้างอิง ได้แก่ t-test สำหรับสองกลุ่มตัวอย่างที่เป็นอิสระจากกัน และ F-test ด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว
ผลการวิจัย พบว่า 1) นักศึกษาครูมีความยึดมั่นผูกพันต่อวิชาชีพครู โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยด้านความภักดีต่อวิชาชีพ มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมา ได้แก่ ด้านการแสดงตน และด้านความเกี่ยวพันกับวิชาชีพ ตามลำดับ 2) ผลการเปรียบเทียบยึดมั่นผูกพันต่อวิชาชีพครูของนักศึกษาครู เมื่อจำแนกตาม เพศ กลุ่มสาขาวิชาที่เรียน และระดับผลการเรียนเฉลี่ยสะสม พบว่า ไม่มีความแตกต่างกัน แต่เมื่อจำแนกตามการตัดสินใจเลือกเรียนคณะครุศาสตร์ พบว่า นักศึกษาที่มีความตั้งใจเลือกเรียนคณะครุศาสตร์มีความยึดมั่นผูกพันต่อวิชาชีพครูสูงกว่านักศึกษาที่เลือกเข้ามาเรียนแบบไม่ได้ตั้งใจ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
เอกสารอ้างอิง
จุฑารัตน์ ทิพย์บุญทรัพย์ และศศิธร โรจน์สงคราม. (2560). “การศึกษาความผูกพันของนักศึกษาต่อ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล” วารสาร Mahidol R2R e-Journal. ปีที่ 4 ฉบับที่ 1. หน้า 56-69.
ปิยะวัฒน์ กรมระรวย. (2560). โมเดลเชิงสาเหตุปัจจัยที่ส่งผลต่อจิตวิญญาณความเป็นครู. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิธีวิทยาการวิจัยทางการศึกษา. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
พรวิไล สุขมาก, จตุพล ยงศร และ ประภัศรา ธโนศวรรย์. (2560). “การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจความยึดมั่นผูกพันในวิชาชีพครูของนักศึกษาครูช่างอุตสาหกรรม ในสถาบันอุดมศึกษากลุ่มเทคโนโลยีพระจอมเกล้า” วารสารวิชาการอุตสาหกรรมศึกษา. ปีที่ 11 ฉบับที่ 1. หน้า 33-47.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2552). ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม. (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพมหานคร: คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
หทัยทิพย์ สีส่วน. (2556). ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างคุณภาพของกระบวนการฝึกประสบการณ์วิชาชีพกับความยึดมั่นผูกพันในการทำงานของนิสิตครูโดยมีความเชื่อในความสามารถของตนเป็นตัวแปรส่งผ่าน. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิธีวิทยาการวิจัยการศึกษา. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Best, J. W. (1970). Research in Education. New Jersey: Prentice Hall, Inc.
Buchanan, H. B. (1974). “Building organization commitment the socialization of managers in work organization”. Administrative Science Quarterly. Vol 19. pp. 533-546.
Davidson, W. B., Beck, H. P., & Grisaffe, D. B. (2015). “Increasing the institutional commitment of college students: Enhanced measurement and test of a nomological model” Journal of College Student Retention: Research, Theory & Practice. Vol. 17 No. 2. Pp. 162-185.
Nunnally, J. (1967). Psychometric theory. New York: McGraw-Hill.
Salanova, M., Lorente, L., Chambel, M. J. & Martinez, I. M. (2011). “Linking transformational leadership to nurses’ extra-role performance: the mediating role of self-efficacy and work engagement”. Journal of Advance Nursing. Vol. 67 No. 10. pp. 2256-2266.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 เมษา นวลศรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยปทุมธานี
ข้อความที่ปรากฎในบทความแต่ละเรื่อง เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และไม่มีส่วนรับผิดชอบใด ๆ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว