แนวทางในการส่งเสริมความฉลาดรู้ด้านการเงินของนักศึกษาครู มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
คำสำคัญ:
ความฉลาดรู้ทางการเงิน , นักศึกษาครู , มหาวิทยาลัยราชภัฏ, แนวทางในการส่งเสริมความฉลาดรู้ทางการเงินบทคัดย่อ
งานวิจัยเชิงสำรวจนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับความฉลาดรู้ทางการเงินของนักศึกษาครู 2) เปรียบเทียบความฉลาดรู้ทางการเงินของนักศึกษาครู จำแนกตามเพศ ผลการเรียนเฉลี่ยสะสม และระดับชั้นปี และ (3) ศึกษาแนวทางในการส่งเสริมความฉลาดรู้ด้านการเงินของนักศึกษาครู กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ นักศึกษาครูมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 200 คน โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถามชนิดมาตรประมาณค่า 5 ระดับ มีค่าความเที่ยงเท่ากับ .91 และแนวทางการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบทีสำหรับสองกลุ่มตัวอย่างที่เป็นอิสระจากกัน การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า 1) นักศึกษาครูมีความฉลาดรู้ทางด้านการเงิน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( =3.80, S.D.=.43) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับมากเช่นกัน โดยด้านทัศนคติทางการเงิน มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด ส่วนด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านพฤติกรรม ทางการเงิน 2) นักศึกษาครูมีความฉลาดรู้ทางด้านการเงิน ไม่แตกต่างกันตามเพศ ผลการเรียนเฉลี่ยสะสม และระดับชั้นปี และ 3) แนวทางในการพัฒนาความฉลาดรู้ทางการเงินของนักศึกษาครู สรุปได้แนวทาง 5 แนวทางหลัก ได้แก่ 1) บูรณาการเนื้อหาการเงินในหลักสูตรการเรียน 2) จัดอบรมเชิงปฏิบัติเสริมทักษะการตัดสินใจทางการเงิน 3) พัฒนาแพลตฟอร์มให้คำปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล 4) สร้างวัฒนธรรมการออมผ่านกิจกรรมชมรมหรือกลุ่มเพื่อน และ 5) เชื่อมโยงเครือข่ายภายนอกเพื่อเพิ่มโอกาสและทรัพยากร
เอกสารอ้างอิง
โชคลาภ มั่นคง และคณะ. (2567). “ความฉลาดรู้ทางการเงินในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ” วารสารบริหารธุรกิจราชมงคลสุวรรณภูมิ. ปีที่ 1 ฉบับที่ 2. หน้า 43-63.
ธิติ ธาราสุข, มนัสวาสน์ โกวิทยา และ สุวิธิดา จรุงเกียรติกุล. (2566). “การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันทักษะด้านการเงินที่ส่งผลต่อการเป็นหนี้ของครู”. Journal of Roi Kaensarn Academi. ปีที่ 8 ฉบับที่ 12. หน้า 339-353.
พัชราภา อินทพรต, วัยวุฑฒ์ อยู่ในศิล และ สิรินธร สินจินดาวงศ์. (2566). “ความฉลาดรู้ทางการเงินของนักศึกษาระดับปริญญาตรี สถาบันระดับอุดมศึกษาเอกชน” วารสารสังคมศาสตร์และวัฒนธรรม. ปีที่ 7 ฉบับที่ 4. หน้า 1-14.
รัตนวัชร์ เพ็ญรัตนหิรัญ. (2567). “การพัฒนาชุดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการปรับตัวและความฉลาดรู้ทางการเงินโดยใช้วิธีเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานสำหรับนักศึกษาครูชั้นปีที่ 1” วารสารศึกษาศาสตร์ มสธ. ปีที่ 17 ฉบับที่ 2. หน้า 19-37.
วชิรา เครือคำอ้าย และชวลิต ขอดศิริ. (2567). “การออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงระบบร่วมกับแนวทางการวางแผนการเงินเพื่อสร้างวินัยการเงินของนักศึกษาในฐานวิถีชีวิตใหม่” วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์. ปีที่ 18 ฉบับที่ 1. หน้า 228-243.
ศิริชัย กาญจนวาสี. (2552). ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม. (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพมหานคร : คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สํานักงานราชบัณฑิตยสภา. (2562). พจนานุกรมศัพท์ศึกษาศาสตร์ร่วมสมัยชุดความฉลาดรู้ (literacy). กรุงเทพมหานคร : สํานักงานราชบัณฑิตยสภา.
อรรถพล คณิตชรางกูร. (2567). “การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานเพื่อส่งเสริมความฉลาดรู้ด้านการเงินสำหรับนักศึกษาครู” วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม, ปีที่ 14 ฉบับที่ 2. หน้า 319-333.
Best, J. W. (1970). Research in education. New Jersey: Prentice Hall, Inc.
De Vellis, R. F. (2016). Scale development: Theory and applications. (4th ed.). CA: SAGE Publications.
Lusardi, A. (2020). Dollars and sense: The case for teaching personal finance. [Online]. From https://siepr.stanford.edu/news/dollars-and-sense-case-teaching-personal-finance.
Lusardi, A., & Mitchell, O. S. (2014). “The economic importance of financial literacy: Theory and evidence” Journal of Economic Literature. Vol 52 No 1. pp. 5-44.
Nunnally, J. C. (1967). Psychometric theory. New York: McGraw-Hill.OECD. (2020). OECD Economic Surveys: Thailand 2020: Economic Assessment, OECD Publishing: Paris. [Online]. From https://doi.org/10.1787/ad2e50fa-en.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 เมษา นวลศรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารมหาวิทยาลัยปทุมธานี
ข้อความที่ปรากฎในบทความแต่ละเรื่อง เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และไม่มีส่วนรับผิดชอบใด ๆ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว