รูปแบบเลิร์นนิงออปเจ็กต์เชิงร่วมมือตามแนวทฤษฏีคอนสตรัคติวิสต์
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบเลิร์นนิงออปเจ็กต์เชิงร่วมมือตามแนวทฤษฎี
คอนสตรัคติวิสต์ และ 2) ประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงของผู้เรียน
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยศรีปทุม จำนวน
40 คน ที่ลงทะเบียนเรียนวิชา ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ภาคการศึกษาที่ 1/2555
วิธีการดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การสังเคราะห์รูปแบบฯ ได้ใช้
วิธีการสนทนากลุ่มเพื่อรวบรวมความคิดจากผู้เชี่ยวชาญ ขั้นตอนที่ 2 พัฒนาเครื่องมือและทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างภายใต้รูปแบบฯ ที่สร้างขึ้น และขั้นตอนที่ 3 การประเมินผลตามสภาพจริงของผู้เรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานผลการวิจัยพบว่า 1) รูปแบบเลิร์นนิงออปเจ็กต์เชิงร่วมมือตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ ได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญ ในระดับ มากที่สุด ประกอบด้วย 8 คุณลักษณะ ของเลิร์นนิงออปเจ็กต์ คือ เป็นสื่อดิจิทัล ก่อให้เกิดการเรียนรู้ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ขนาดกระทัดรัดและสมบูรณ์ในตัวเอง นํากลับมาใช้ใหม่ได้ สามารถใช้ร่วมกับเลิร์นนิงออปเจ็กต์อื่น นำไปใช้ได้ในหลายแพลตฟอร์ม เข้าถึงทุกที่ ทุกเวลา โดยทำงานอยู่ภายในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม แบ่งปันความเข้าใจจากการเรียนรู้ร่วมกัน ตาม 3 ขั้นตอนการเรียนรู้ ของทฤษฏีคอนสตรัคติวิสต์ คือ ขั้นเตรียมความพร้อม ขั้นปรับโครงสร้างทางปัญญา และขั้นประยุกต์ใช้ความรู้ใหม่ในสถานการณ์อื่น และ 2) คุณภาพการเรียนรู้จากการประเมินตามสภาพจริง มีคุณภาพโดยรวมในระดับ ดีมาก
Article Details
1. กองบรรณาธิการสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาและตัดสินการตีพิมพ์บทความในวารสาร
2. บทความทุกเรื่องจะได้รับการตรวจสอบทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิ แต่ข้อความและเนื้อหาในบทความที่ตีพิมพ์เป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว มิใช่ความคิดเห็นและความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยศรีปทุม
3.การคัดลอกอ้างอิงต้องดำเนินการตามการปฏิบัติในหมู่นักวิชาการโดยทั่วไป และสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เอกสารอ้างอิง
ถนอมพร เลาหจรัสแสง. 2550. “นิยาม เลิร์นนิงออปเจ็กต์ (Learning Object) เพื่อการออกแบบพัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์.” วารสารเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 4 (4): 50-59.
ทิศนา แขมมณี และคณะ. 2545. กระบวนการเรียนรู้: ความหมาย แนวทางการพัฒนาและปัญหาข้องใจ. สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย โครงการเบื้องต้นการศึกษาข้อมูลพื้นฐานและทบทวนองค์ความรู้สำหรับการพัฒนากระบวนการเรียนของระบบโรงเรียนให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ.2542.
พิมพ์พันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข .2552 . Backward Design & chind-centered. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บัญญัติ ชำนาญกิจ. 2549. 24 เทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ.
ไพจิตร สะดวกการ. 2543. เรียนผูกเรียนแก้: ภูมิปัญญาไทยที่สอดรับกับทฤษฏีคอนสตรัคติวิสต์และการปฏิรูปการศึกษา. ม.ป.ท.
วัฒนาพร ระงับทุกข์. 2545. เทคนิคและกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์พริกหวานกราฟฟิก.
สติยา ลังการ์พินธุ์. 2548. “การสร้าง Learning Object .” วารสาร สสวท 33 (134).
สุมาลี ชัยเจริญ . 2550. เทคโนโลยีการศึกษา หลักการ ทฤษฏีสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร: สำนักบริการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
อุดม รัตนอัมพรโสภณ. 2549. การเรียนแบบร่วมมือ.
David Walbert. 2011. ITS Teaching and Learning - Carolina Digital Repository . (Online).
George W. Gagnon, Jr. and Michelle Collay. 1996. Constructivist Learning Design. (Online).
John B. Black and Robert O. McClintock.1995. An interpretation Construction Approach Constructivst Design. Columbia University. (Online).
Muammer ÇALIK, Alipasa AYAS and Richard K. COLL,2006. “A constructivist-based Model for the teaching of dissolution of gas in a liquid.” Asia-Pacific Forum on Science Learning and Teaching, Volume 7, Issue 1, Article 4 (June, 2006).(Online).
Rosalind Driver. 1988 . Constructivism and Leaning.
Thirteen Organize. 2004 . What are Cooperative and Collaborative learning. (Online).
Yahya. Y. and M. Yusoff. 2006. Learning Object Model Recognition Based On Theoretical Grounds.