การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล

ผู้แต่ง

  • แมน เชื้อบางแก้ว อาจารย์พิเศษ หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาชีพครู คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยตาปี
  • ดวงตา อินทรนาค อาจารย์ประจำหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาชีพครู คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยตาปี

คำสำคัญ:

รูปแบบ, รูปแบบการจัดการเรียนรู้, ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล

บทคัดย่อ

 

        การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และ 2) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาวิชาชีพครู มหาวิทยาลัยตาปี ระดับชั้นปีที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 30 คน โดยสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้เป็นเครื่องมือที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ 2) แบบวัดความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และ 3) แบบวัดเจตคติต่อการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติที (t-test)

        ผลการวิจัยพบว่า 1. การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมีองค์ประกอบสำคัญ คือ 1) แนวคิด/ทฤษฎี/หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ มี 5 ขั้นตอน คือ 3.1) ขั้นเงื่อนไขของความสัมพันธ์ (The Conditions of a Relationship) 3.2) ขั้นกระบวนการของความสัมพันธ์ (The Process of a Relationship) 3.3) ขั้นกระบวนการปรับปรุงความสัมพันธ์ (The Process of an Improving Relationship) 3.4) ขั้นผลลัพธ์ของความสัมพันธ์ (Outcomes of an Improving Relationship) และ 3.5) ขั้นกฎของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล (A Law of Interpersonal Relationships) การนำเสนอผลงาน การประเมินผล และ 4) ผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนจากการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ และรูปแบบการจัดการเรียนรู้มีความเหมาะสมในค่าเฉลี่ย 4.58 ในระดับความคิดเห็นมากที่สุด และค่าความตรงเชิงเนื้อหา (IOC) เฉลี่ย 0.95 ในระดับที่สามารถนำไปปฏิบัติได้  2. ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น พบว่า ผู้เรียนในกลุ่มทดลองมีผลความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหลังการเรียนสูงกว่าก่อนการเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีค่าเฉลี่ยเจตคติต่อการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบเท่ากับ 4.00 อยู่ในระดับความคิดเห็นเห็นด้วย

เอกสารอ้างอิง

ชุติมา ทัศโร. (2561). การพัฒนารูปแบบการจดัการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสมานฉนัท์ในสังคมพหุวัฒนธรรมในรายวิชาความเป็นครูวิชาชีพ สำหรับนักศึกษาหลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยหาดใหญ่. ดุษฎีนิพนธ์, การศึกษาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยบูรพา.

เดโช แขน้ำแก้ว, เชษฐา มุหะหมัด, จิตติมา ดำรงวัฒนะ, ดำรงพันธ์ ใจห้าววีระพงศ์, และบุญยิ่ง ประทุม. (2564). คุณลักษณะด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและรับผิดชอบของบัณฑิตพัฒนาชุมชนที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ระหว่างปี พ.ศ. 2557-2561. Journal of Roi Kaensarn Academi, 6(12), 110-122.

ทิพย์วิมล วังแก้วหิรัญ, และคณะ. (2562). รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณลักษณะความเป็นครูและสมรรถนะการสอน คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 17(1), 113-132.

ทิศนา แขมมณี. (2566). ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. (พิมพ์ครั้งที่ 23). กรุงเทพมหานคร: ด่านสุทธาการพิมพ์.

ทศพร ดิษฐ์ศิริ. (2563). การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานด้วยวิธีการเรียนรู้เชิงรุก เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของนักศึกษาวิชาชีพครู. วิทยานิพนธ์, ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.

พนม จองเฉลิมชัย. (2563). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์สาหรับนักศึกษาวิชาชีพครู. วิทยานิพนธ์, ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

พระครูศรีธรรมวิเทศ ปญฺโญภาโส. (2567). การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลตามหลักพรหมวิหาร. วารสารพุทธนวัตกรรมและการจัดการ, 7(2), 186-194.

พรรณี ชูทัย เจนจิต. (2550). จิตวิทยาการเรียนการสอน. นนทบุรี: เกรท เอ็ดดูเคชั่น.

พงษธ์ลักษณ์ สิบแก้ว, ธเนศ พงศ์ธีรัตน์, และปิยะรัตน์ ชาวอบทม. (2562). เจตคติต่อการจัดการเรียนรู้แบบ MACRO เรื่อง ระบบประสาท ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. งานประชุมวิชาการระดับชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต ประจำปี 2562, (26 เมษายน 2562), 677-686.

ไพศาล วรคำ. (2565). การวิจัยทางการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 13). มหาสารคาม: ตักสิลาการพิมพ์.

ราชบัณฑิตยสภา. (2564). พจนานุกรมศัพท์ศึกษาศาสตร์ ฉบับบัณฑิตราชสภา. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สำนักงานราชบัณฑิตยสภา.

วลิดา อุ่นเรือน. (2563). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมร่วมกับแนวคิดการเรียนรู้ตามสภาพจริง เพื่อส่งเสริมความสามารถในการจัดการเรียนรู้ที่เน้นความแตกต่างระหว่างบุคคลสำหรับนักศึกษาครู. วิทยานิพนธ์, การศึกษาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยนเรศวร.

วิจิตร หลานวงค์, ไพโรจน์ เติมเตชาติพงศ์, และนฤมล อินทร์ประสิทธิ์. (2563). กระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการเรียนวิชาภาษาไทย: กรณีศึกษาโรงเรียนเทศบาลสวนสนุก. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น, 7(2), 73-86.

สุรางค์ โค้วตระกูล. (2565). จิตวิทยาการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 14). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Ary, D., Jacobs, L. C., Razavieh, A., & Sorensen, C. (2006). Introduction to Research in Education. Australia: Thomson Wadsworth.

Boeree, C. G. (2006). Carl Rogers (1902 – 1987): Personality Theories. https://webspace.ship.edu/cgboer/Rogers.pdf

Eggen, P. D., & Kauchak, D. P. (2006). Strategies and Models for Teachers: Teaching Content and Thinking Skills. Boston, MA: Pearson Education, Inc.

Gall, M. D., Borg, W.R., & Gall, J. P. (1996). Educational Research: An Introduction. (6th ed). New York: Longman Publishers USA.

Gunter, M. A., Estes, T. H., & Mintz, S. L. (2007). Instruction: A Models Approach. Boston, MA: Pearson Education, Inc.

Hayes, J. (2002). INTERPERSONAL SKILLS AT WORK. (2nd ed.). New York: Routledge.

Joyce, B., Weil, M., & Calhoun, E. (2004). Model of Teaching. (7th ed). Boston: Pearson Education, Inc.

Keeves, J. (2002). Learning in Schools: A Modeling Approach. International Education Journal, 3(2), 114 – 124.

Kemp, J. E. (1985). The Instructional Design Process. London: Harper & Row, Publishers, Inc.

Lasley II, T. J., Matczynski, T. J., & Rowley, J. B. (2002). Instructional Models: Strategies for Teaching in A Diverse Society. Australia: Wadswort Group.

McMillan, J. H., & Schumacher, S. (2006). Research in Education: Evidence-Based Inquiry. (6th ed). Boston: Pearson Education, Inc.

Rogers, C. R. (1959). A Theory of Therapy, Personality, and Interpersonal Relationships: As Developed in the Client-Centered Framework. In S. Koch (ed.), Psychology: A Study of a Science. Formulations of the Person and the Social Context (Vol. 3, pp. 184-256). New York: McGraw Hill.

Rovinelli, R. J., & Hambleton, R. K. (1976). On the Use of Content Specialists in the Assessment of Criterion-Referenced Test Item Validity. Paper presented at the Annual Meeting of the American Educational Research Association (60th, San Francisco, California, April 19-23, 1976), 1–35. http://www.eric.ed.gov/PDFS/ED121845.pdf

Schunk, D. H. (2012). Learning theories: an educational perspective. (6th ed). Boston, MA: Pearson Education, Inc.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-30

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย