ผลของการใช้การเสริมแรงทางบวกเพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านดอนอุดม(เนยอุปถัมภ์)
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 2) เปรียบเทียบนิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านดอนอุดม(เนยอุปถัมภ์) ก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านดอนอุดม(เนยอุปถัมภ์) ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย(Simple Random Samping) โดยการจับสลาก ดำเนินการวิจัยโดยใช้แบบแผนการวิจัยเชิงทดลองแบบ One Group Pretest-posttest Design เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินนิสัยรักการอ่าน และกิจกรรมการเสริมแรงทางบวก สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย () ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบทีแบบไม่อิสระ ผลการวิจัย พบว่า
1) ประสิทธิภาพของกิจกรรมการเสริมแรงทางบวกเพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่านให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 4 โรงเรียนบ้านดอนอุดม(เนยอุปถัมภ์) มีค่า E1/E2 เท่ากับ 82.0/81.14 2) นิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านดอนอุดม(เนยอุปถัมภ์) ในระยะหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสาร มจร บาฬีศึกษาพุทธโฆสปริทรรศน์ก่อนเท่านั้น
References
จุฑามาส รัตนอุดม. ผลของการเสริมแรงทาง บวกโดยใช้ เบี้ยอรรถกรเพื่อปรับพฤติกรรม ที่ไม่พึง ประสงค์ในรายวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔/๕. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขา วิชาจิตวิทยาการศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ,๒๕๕๒.
สมชาย วรกิจเกษมสกุล.ระเบียบวิธีวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 4.อุดรธานี : โรงพิมพ์อักษรศิลป์, 2556.
สุชาดา กลางสอน และ สุวรี ศิวะแพทย์. “ผลของการเสริมแรงทางบวกต่อพฤติกรรมก่อกวนในชั้นเรียนของเด็กสมาธิสั้น”. วารสารศึกษาศาสตร์ ฉบับวิจัยบัณฑิตศึกษมหาวิทยาลัยขอนแก่น. ปีที่ 9 ฉบับที่ 4 (ตุลาคม - ธันวาคม 2558): 212-219.
สุชาติ ลลิตวิภาส. ศึกษาพฤติกรรมความสนใจในการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม โดยใช้เทคนิคการเสริมแรง. กรุงเทพฯ : โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม, 2557.
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ.(2555). 5 วิธีสร้างนิสัยรักการอ่านในเด็ก.[ออนไลน์].สืบค้นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2561. เข้าถึงจากhttp://www.posttoday. com/life/life/427084.
หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์.(2559).สำรวจการอ่านของคนไทยยุคดิจิทัล.[ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ28 พฤษภาคม 2561. เข้าถึงจาก http://www.posttoday.com/life/life/427084.
TK Park.(2562).อ่านมากขึ้น อ่านไม่ออก และการรู้หนังสือ.[ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 7 เมษายน 2562. เข้าถึงจาก https://www.tkpark.or.th/tha/articles_detail/408.