Sustainable of Living and Arable Land Management in Conservation Forest
Main Article Content
Abstract
This research has three main objectives: 1) to study the management conditions of living and arable land in conservation forest areas, 2) to analyze the management approaches for living and arable land in conservation forest areas, and 3) to propose a sustainable management model for living and arable land in conservation forest areas. This research is qualitative, involving 16 key informants including administrators of the Khuaeng Pao Subdistrict Administrative Organization, Chom Thong District, Chiang Mai Province, and stakeholders, as well as residents of Baan Mai Lanna, Village No. 14, Khuaeng Pao subdistrict, Chom Thong district, Chiang Mai province. Data collection methods included interviews, participatory observation, and community forums, conducted in collaboration with community leaders, representatives from community organization development institutions, representatives from local administrative organizations, and representatives from community councils. The data was analyzed using descriptive methods, supported by photographs and descriptions of events related to sustainable management approaches for living and arable land in conservation forest areas.
The research findings are as follows: 1) The condition of living and arable land management in the conservation forest area of Baan Mai Lanna, Khuaeng Pao subdistrict, Chom Thong district, Chiang Mai province are as follows: 1.1) Problems: Villagers are being arrested and prosecuted for encroaching on the national reserved forest. 1.2) Problem-solving efforts: Villagers, in cooperation with public networks, are calling on the government to resolve the issues. 1.3) Solutions: The Department of forestry has allocated areas within the project to improve national reserved forests for villagers to farm and protect. 2) Management approaches for living and arable land include eight methods: 2.1) Holding public meetings. 2.2) Conducting new land plot surveys. 2.3) Designing residential houses by villagers. 2.4) Coordinating assistance from various agencies. 2.5) Constructing housing. 2.6) Managing public utilities. 2.7) Managing land rights. 2.8) Managing the development of quality of life. 3) Sustainable management models for living and arable land in conservation forest areas include three models: 3.1) Participatory management by establishing a joint committee. 3.2) Community-based management, with community participation in the management process. 3.3) Government-led management.
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ลิขสิทธิ์
References
กฤษฎากรณ์ ยูงทอง. (2555). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาท้องถิ่นเทศบาล เทศบาลตำบลนางั่ว อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์: กรณีศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาท้องถิ่น เทศบาลตำบลนางั่ว (รายงานวิจัย). เพชรบูรณ์: คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพชรบูรณ์.
เขมจิรา มีสุวรรณ, ชมพูนุท ป้อมป้องศึก, ช่อทิพย์ บรมธนรัตน์, ธานี ฉัตรนภารัตน์, ดำรงเดช รัตนโชติชัยสกุล, ภวิษย์กันฐพร มงคลชาติ,...ฐิติ ลาภอนันต์. (2560). ความขัดแย้งและการจัดการความขัดแย้งสิทธิการครอบครองที่ดิน: กรณีศึกษาชุมชนวัดคุณหญิงส้มจีน อำเภอคลองหลวงจังหวัดปทุมธานี (รายงานวิจัย). กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า.
จิตตานันท์ ติกุล, ดารณี คำสวัสดิ์, จุไรรัตน์ พุ่มโพธิสุวรรณ, และ อนุรักษ์ เผยกลาง. (2559). รูปแบบการบริหารจัดการที่เหมาะสมของศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (รายงานวิจัย). นครราชสีมา: สถาบันวิจัยและพัฒนามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี.
ดรุณศักดิ์ ตติยะลาภะ, และ เจด็จ คชฤทธิ์ (2560). การจัดการที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน: กรณีศึกษา ตำบลพืชอุดม อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี. วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, 12(2), 229-311.
ธนกฤต ลาภธนโรจน. (2562). การใช้ประโยชน์ที่ดินและการจัดการพื้นที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). การจัดการสิ่งแวดล้อม. สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์, กรุงเทพฯ.
ธนาศิลป์ เสี้ยวทอง. (2553). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการปกครองท้องที่ระดับหมู่บ้าน: กรณีศึกษา อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, นนทบุรี.
นรินทร์ ประทวนชัย. (2543). การจัดการทรัพยากรป่าไม้ของชุมชนบนพื้นที่สูงบ้านโป่งผา อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่.
นุกูล โปรยเงิน. (2550). การจัดการพื้นที่สาธารณะโดยชุมชนบริเวณลาน้ำแม่ลา จังหวัดสิงห์บุรี (การค้นคว้าอิสระปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่.
พชรพล หาญเมือง. (2563). การสร้างความร่วมมือในการจัดการที่ดินสาธารณประโยชน์: กรณีศึกษา โคกหนองสิม อำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, มหาสารคาม.
วรินทร นาสมใจ. (2556). แนวทางการบริหารจัดการพื้นที่สาธารณะป่าโคกหนองข่า อำเภอเมืองจังหวัดมหาสารคาม (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, นนทบุรี.
วิวัฒน์ ฤทธิมา, วิลาสินี ธนพิทักษ์, และ อานุช ศีรีรัฐนิคม. (2564). การบริหารจัดการที่ดินทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์อย่างยั่งยืนพื้นที่แถบเทือกเขาบรรทัดในเขตจังหวัดพัทลุง. วารสารชุมชนวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครราชสีมา, 15(1), 29-21.
สมชัย แก้วทอง. (2544). ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมภายในชุมชนอันเนื่องมาจากโครงการอพยพชาวเขา: กรณีศึกษาบ้านวังใหม่ อำเภอวังเหนือจังหวัดลำปาง (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่.
สรรเสริญ ทองสมนึก. (2542). การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการป่าชุมชนบ้านทรายทอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เชียงใหม่.
สำนักจัดการที่ดินของรัฐ กองฝึกอบรม. (2563). แนวทางการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน: ที่สาธารณประโยชน์. กรุงเทพฯ: กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย.
สุจารีย์ วิชัยดิษฐ์. (2565). การจัดการความขัดแย้งในการใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์ ทุ่งเลี้ยงสัตว์หนองพลับ ตำบลพรุไทย อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารสหวิทยาการวิจัย ฉบับบัณฑิตศึกษา, 2(1), 240-259.
อารีวรรณ คูสันเทียะ. (2557). ภาวะหนี้สินกับการสญเสียที่ดินของเกษตรกรรายย่อย กรณีศึกษาสภาเครือข่ายองค์กรเกษตรกรแห่งประเทศไทย (สค.ปท.) จังหวัดอ่างทอง (รายงานวิจัย). กรุงเทพฯ: สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.).
อารุณ วงศรีแก้ว, ประเสริฐ ตัณศิริ, สุจิต จงประเสริฐ, และ วัลลภ นาคบัว. (2563). การจำกัดสิทธิการถือครองที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน: ศึกษาขอบเขตและมาตรการทางกฎหมายที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย. วารสารดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์, 10(3), 758-772.