การบริหารจัดการงานสัมพันธ์ชุมชนของโรงเรียนบ้านปางขอน ตำบลห้วยชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1
คำสำคัญ:
-บทคัดย่อ
การศึกษาค้นคว้าอิสระครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการบริหารจัดการงานสัมพันธ์ชุมชนของ โรงเรียนบ้านปางขอน ตำบลห้วยชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการบริหารจัดการงานสัมพันธ์ชุมชนของโรงเรียน บ้านปางขอน ตำบลห้วยชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เชียงราย เขต 1 และ 3) เพื่อหาแนวการบริหารจัดการงานสัมพันธ์ชุมชนของโรงเรียนบ้านปางขอน ตำบลห้วยชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 โดยใช้วิธีการวิจัยทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม และการสนทนากลุ่ม ส่วนกลุ่มประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ ผู้อำนวยการสถานศึกษา ครู ตัวแทนผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานรวมทั้งสิ้นจำนวน 33 คน โดยใช้วิธีเลือกแบบเจาะจง (Purposing Sampling) ผลการศึกษาพบว่า 1. สภาพการบริหารจัดการงานสัมพันธ์ชุมชนของโรงเรียนบ้านปางขอน ตำบลห้วยชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 พบว่า 1) ด้านงานให้บริการแก่ชุมชน ในภาพรวมมีคุณภาพการปฏิบัติอยู่ระดับมากที่สุด 2) ด้านงานรับบริการจากชุมชนในภาพรวมมีคุณภาพการปฏิบัติอยู่ระดับมากที่สุด 3) ด้านงานเสริมสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนและหน่วยงานอื่นๆ ในภาพรวมมีคุณภาพการปฏิบัติอยู่ระดับมากที่สุด 4) ด้านงานจัดตั้งกลุ่ม ชมรม สมาคม กองทุน และมูลนิธิในสถานศึกษา ในภาพรวมมีคุณภาพการปฏิบัติอยู่ระดับมากที่สุด 5) ด้านงานกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในภาพรวมมีคุณภาพการปฏิบัติอยู่ระดับมากที่สุด 6) ด้านงานประชาสัมพันธ์โรงเรียนในภาพรวมมีคุณภาพการปฏิบัติอยู่ระดับมากที่สุด 2. เหตุปัจจัยที่มีผลต่อการบริหารจัดการงานสัมพันธ์ชุมชนของโรงเรียนบ้านปางขอน ตำบลห้วยชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 มี 2 ปัจจัย ได้แก่ 2.1 ปัจจัยภายในด้านการบริหาร 4 M’s คือ ปัจจัยด้านบุคลากร (Man) พบว่า มีปัญหาขาดแคลน บุคลากรครู ปัจจัยด้านการเงิน (Money) พบว่า มีปัญหาความคล่องตัวในการเบิกจ่าย ปัจจัยด้านวัสดุ อุปกรณ์ (Material) พบว่า มีปัญหา ด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร และด้านการบริหารจัดการ (Management) พบว่า มีปัญหาความต่อเนื่องในการบริหารจัดการ ส่วนด้านปัจจัยภายนอก คือ ปัจจัยด้านความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมระหว่างโรงเรียนและชุมชน ปัจจัยด้านนักเรียน เป็นนักเรียนชนเผ่าชาติพันธุ์ พบว่า มีปัญหาด้านการสื่อสารทักษะการคิดวิเคราะห์ ปัจจัยด้านผู้ปกครอง พบว่า บางส่วนมองข้ามความสำคัญของการศึกษา และปัจจัยด้านเศรษฐกิจ สังคมและชุมชน พบว่า องค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการศึกษา ยังเพิกเฉยและไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับการจัดการศึกษา และการประสานงานระหว่างโรงเรียนและชุมชน 2.2 ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลการบริหารจัดการงานสัมพันธ์ชุมชนของโรงเรียนบ้านปาง ประกอบด้วย การเมือง เศรษฐกิจ สังคม/ วัฒนธรรม เทคโนโลยี กฎระเบียบ สภาวะแวดล้อม โดยภาพรวมอยู่ในระดับที่มีความแตกต่างกันในทุกด้าน ด้านการเมือง การเมืองภายในหมู่บ้านเป็นไปตามข้อกำหนดของหมู่บ้าน ซึ่งหมู่บ้านมีข้อกำหนดที่แตกต่างจากหมู่บ้านอื่นเล็กน้อย เนื่องจากมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ จึงจำเป็นต้องมีข้อกำหนดที่เพิ่มขึ้นมา ด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจของหมู่บ้านมาจากการทำการเกษตรอย่างเดียว คือ กาแฟ และผลไม้ฤดูหนาวบางชนิดเท่านั้น การจ้างงานมีเพียงบางช่วงเท่านั้น จึงเป็นอุปสรรคในการระดมทุน ด้านสังคม/วัฒนธรรม การมีความหลากหลายของชาติพันธุ์เป็นปัญหาอยู่บ้างในการสื่อสาร ทำให้ต้องมีการใช้ล่ามในการสื่อสาร อีกทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีมีความแตกต่าง ต้องมีการอาศัยการพูดคุยกันบ่อยครั้งเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ด้านเทคโนโลยี การมีเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ทำให้มีการติดต่อกันง่ายขึ้น สะดวกขึ้น มีการติดสื่อสารกันรวดเร็วขึ้น เป็นผลดีต่อการบริหารงานสัมพันธ์ชุมชน ด้านกฎระเบียบ กฎระเบียบของชุมชนไม่มีความกระทบต่อการบริหารงานสัมพันธ์ชุมชน เนื่องจากมีกฎหมายรองรับ ด้านสภาวะแวดล้อม สภาพแวดล้อมของชุมชนเอื้อต่อการเรียนรู้เป็นอย่างมาก 3. แนวทางการบริหารจัดการงานสัมพันธ์ชุมชนของโรงเรียนบ้านปางขอน ตำบลห้วยชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 ตารางแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร โดยยึดกระบวนการ POLC ได้แก่ 3.1 ด้านการวางแผน (Planning) โรงเรียนควรมีการวางแผน และวิเคราะห์แผนประจำปี รวมทั้ง ประชุมชี้แจงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และควรมีคณะกรรมรับผิดชอบร่วมทั้งให้ทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำแผนประจำปีเพื่อให้เกิดการมีโครงสร้างที่สมบรูณ์ 3.2 ด้านการจัดโครงสร้างองค์กร (Organizing) ควรมีการชี้แจงในการประชุมผู้ปกครองในเรื่องการรับผิดชอบของครูแต่ละท่าน รวมทั้งควรมีการแบ่งหน้าที่การทำงานอย่างชัดเจน เพื่องานต่อการเข้ามาติดต่อ3.3 ด้านการนำ (Leading)ให้ผู้บริหารมีความชัดเจนในการจัดทำแผนงาน เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ 3.4 ด้านการควบคุม (Controlling) ควรเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นวิทยากรหรือเปิดโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่โรงเรียนจัดขึ้น
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.
บุญชม ศรีสะอาด. (2554). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพมหานคร: สุวีริยาสาส์น.
พัชรินทร์ จูแวน. (2548). การมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการศึกษาโรงเรียนบ้านบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่. (การศึกษาอิสระศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. เชียงใหม่.
ฟารีดา สารี. (2552). การศึกษาการบริหารงานสัมพันธ์ชุมชนของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานอำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี : กรณีศึกษาโรงเรียนบ้านเฑียรยา. (การศึกษาอิสระศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. นนทบุรี.
สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ. (2541). ชุดฝึกอบรมด้วยตนเองการนิเทศภายในโรงเรียนประถมศึกษาอย่างเป็นระบบ. กรุงเทพมหานคร: คุรุสภาลาดพร้าว.
อมรวิชช์ นาครทรรพ. (2541). กระบวนการเรียนรู้เพื่อเด็กๆ และชุมชนของเรา. กรุงเทพมหานคร: เจ.ฟิส์ม โปรเซส.
Bright hup PM. (2011). PESTLE Analysis history and application. Retrievedfromhttp://www.brighthubpm.com/project-planning/100279-pestle- analysis-history-andapplication/.