Health Education Policy according to Health Belief Model on cervical cancer perception among HIV-infected women in Dok Kham Tai Hospital, Phayao Province
Keywords:
health belief Model, perception of cervical cancerAbstract
This is a quasi-experimental research, with the objective to study the health education program’s effect on cervical cancer perception among HIV-infected women in Dok Kham Tai Hospital, Dok Kham Tai District, Phayao Province, with a sample size of 50 women. Data collection was through questionnaire, which were analyzed by using percentage, mean, standard deviation, and Paired t-test statistics.
The research results indicated that the experimental group, which received a health education program according to health beliefs model, had average scores for perceived risk of cervical cancer, before and after (2.59, 2.81) with statistically significant (p<.001). The perception scores for cancer severity, before and after (2.70, 2.81) were statistically significant (p<.05), and on cervical cancer prevention behavior, before and after (2.80, 2.90) with statistically significant (p<.001).
In conclusion, the experimental group who received a health education program according to health belief model, on cervical cancer perception, had a higher score on perceived risk, severity of the cancer, and cancer prevention behavior, than before receiving the health education program, with statistical significant at the level of 05. Community nurses should apply health education program, according to Health Belief Model, for HIV-infected women, and apply to other women group proactively, in order to prevent increasing incidents of cervical cancer in community.
References
กานดา ศรีตระกูล,พิษณุรักษ์ กันทวี.(2560).ผลของโปรแกรมการรับรู้ความเชื่อด้านสุขภาพต่อระดับทัศนคติใน สตรี ที่เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย.เชียงรายเวชสาร.ปีที่ 9 ฉบับที่1/2560.
จันทนี แต้ไพสิฐพงษ์และคณะ(2556). ผลของโปรแกรมการให้ความรู้ต่อระดับความรู้และทัศนคติในสตรีที่มี
ผลการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกปกติ.กรุงเทพมหานคร :วารสารสภาการพยาบาล.28(2).
จิตรบรรจง เชียงทอง.(2557).ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเข้ารับการตรวจมะเร็งปากมดลูกของสตรีอายุ 30-60 ปี ตำบลตระคร้ำเอน อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี.วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต.มหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี.จังหวัดกาญจนบุรี.
เจษฎา ศรีงาม.(2547). ศึกษาพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกของสตรีอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา.วิทยานิพนธ์ พยม.,มหาวิทยาลัยมหิดล,กรุงเทพ.
เบญจวรรณ ไชยา.(2557). ผลของรูปแบบการให้ความรู้เรื่องโรคมะเร็งปากมดลูกตามแบบแผน ความเชื่อด้านสุขภาพ ของสตรีในเขตโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่กา.วิทยานิพนธ์. มหาวิทยาลัยพะเยา,พะเยา.
ยุภาพร ศรีจันทร์.(2548).ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการมารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีตำบล
ป่าสัก กิ่งอำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา.วิทยานิพนธ์ ส.ม.,มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,เชียงใหม่.
วาสนา พูลผล.(2557). โปรแกรมส่งเสริมการป้องกันมะเร็งปากมดลูกระดับปฐมภูมิในคู่สามีภรรยาในชุมชนอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์.วิทยานิพนธ์.มหาวิทยาลัยมหิดล,กรุงเทพ.
วราภรณ์ ศิริธรรมานุกุล.(2560).เหตผุลการมารับบริการ และความเชื่อด้านสุขภาพภาพในการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกของสตรีที่มารับบริการในโครงการป้องกันและเฝ้าระวังมะเร็งปากมดลูกโรงพยาบาลจุฬาภรณ์.วารสารสภากาชาดไทย ปีที่ 10 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2560.
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ.(2558).นโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ (Healthy Public Policy). available from https://www.nationalhealth.or.th/healthy_public_policy.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยา. (2556). สรุปผลการดำเนินงานสาธารณสุขพะเยา, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยา.
อาภาพร เผ่าวัฒนา และคณะ .(2554).การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในชุมชน: การประยุกต์แนวคิดและทฤษฎีสู่การปฏิบัติ. ผลงานพัฒนาเครือข่ายพยาบาลศาสตร์เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ (พย.สสส.) ระยะที่ 2, 2554:34.
อุไรวรรณ สัมมุตถี,สมเดช พินิจสุนทร (2558).ความตั้งใจไปรับบริการตรวจตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลกูของสตรี อายุ 30-60 ปี โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู. วารสารสุขภาพชุมชน. มหาวิทยาลัยขอนแก่น 3 (4) ตุลาคม-ธันวาคม 2558.
Becker, M.H., Drachman, R.H. and Kirscht, J.P. (1974). A New Approach to Explaining Sick-Role Behavior in Low-income Populations. American Journal of Public Health. 64 (3), 206.
Rosenstock. (1974). Historical Origins of the Health Belief Model. Health Education Monographs. 2: 329-335.
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
- เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารกฎหมายและนโยบายสาธารณสุข ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
- บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารกฎหมายและนโยบายสาธารณสุข ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องอ้างอิงเสมอ