การเรียนการสอนเชิงรุกในรายวิชาภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู สาขาการศึกษาปฐมวัย

Main Article Content

จินตนา วีระปรียากูร
วิไลวรรณ จันณรงค์

บทคัดย่อ

          การก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 ส่งผลให้ทุกวิชาชีพมีลักษณะเป็น e-career วิชาชีพครูเป็นอีกหนึ่งวิชาชีพที่ต้องเป็น e-teacher การวิจัยเชิงประมาณแบบกึ่งทดลองนี้ จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้สำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู ที่จะได้รับการพัฒนารูปแบบการสอนเชิงรุกในรายวิชาภาษาอังกฤษ สำหรับการเป็น e-teacher ผู้วิจัยดำเนินการสำรวจ ออกแบบและทดลอง ทดสอบการใช้สื่อออนไลน์ 4 ลักษณะ เช่น blogger.com, Google classroom, Facebook group และ YouTube โดยทดลองกับนักศึกษาวิชาชีพครู ระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 3 คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการศึกษาปฐมวัย 41 คน หลังการทดลอง ใช้แบบประเมินประสิทธิภาพการสอน ชนิดกำหนดตัวเลือกจำนวน 32 ข้อ สอบถามผลการใช้สื่อออนไลน์ ข้อมูลที่ได้นำมาวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า มีความเป็นไปได้สำหรับการสอนเชิงรุกผ่านสื่อออนไลน์ ทั้ง 4 เพื่อพัฒนารูปแบบการสอนเชิงรุกให้กับนักศึกษาวิชาชีพครู แต่ต้องมีองค์ประกอบครบ 5 องค์ประกอบ ได้แก่ ชื่อ blog หัวเรื่องที่ใช้สอน/ภาคเรียน โดยนักศึกษาวิชาชีพครูจะต้องให้นักเรียนร่วมสร้าง blog นำเสนอและการสรุปสิ่งเรียนรู้ และการสะท้อนกลับเป็นชื่อ blog ใหม่ ยกเว้น YouTube ที่ใช้เพียง 1 องค์ประกอบ นอกจากนี้ Facebook group และ blogger.com มีประสิทธิภาพต่อการสอนสำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู ร้อยละ 100 ขณะที่ YouTube และ Google classroom มีประสิทธิภาพต่อการสอนสำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู เพียงร้อยละ 50 และ 45 ตามลำดับ ข้อเสนอเชิงทฤษฎีจากการวิจัยสะท้อนว่า ความเป็นไปได้เชิงประสิทธิผลของการสอนเชิงรุกผ่านสื่อออนไลน์ นอกจากขึ้นอยู่กับผู้สอน กิจกรรม สื่อออนไลน์ ยังขึ้นอยู่กับผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษาร่วมด้วยที่ต้องเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในยุคศตวรรษที่ 21 และการเปลี่ยนแปลงของสื่อออนไลน์

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
วีระปรียากูร จ., & จันณรงค์ ว. (2020). การเรียนการสอนเชิงรุกในรายวิชาภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู สาขาการศึกษาปฐมวัย. วารสารวิชาการ มทร.สุวรรณภูมิ ฉบับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 5(1), 114–124. สืบค้น จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/rmutsb-hs/article/view/168446
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

Bonwell, C. C., & Eison, J. A. (1991). Active learning: Creating excitement in the classroom. ASHE-ERIC Higher Education Reports No.1, Washington D.C.: The George Washington University.

Chickering, A. W., & Gamson, Z. F. (1987). Seven principles for good practice in undergraduate education. AAHE bulletin, 39(7), 3-7.

Comenius, J. A., & Keatinge, M. W. (1967). The great didactic of John Amos Comenius. New York: Russell & Russell.

Fink, L. D. (1999). Active learning. Reprinted with permission of the University of Oklahoma Instructional Development Program. Retrieved 3 September 2016, from http://www.trincoll.edu/Academics/centers/teaching/Documents/Week3ActiveLearning.pdf

Meyers, C., & Jones, T. B. (1993). Promoting active learning: Strategies for the college classroom. San Francisco: Jossey-Bass.

Ministry of Education. Office of the Education Council. (2005). Standard on child rearing under 3 year of age. Retrieved 20 December 2018, from http://www.onec.go.th/index.php/book/BookView/407 (in Thai)

Ministry of Education. (2013) Care and education for early childhood. Retrieved 20 December 2018, from http://www.onec.go.th/index.php/book/Book View/1239 (in Thai)

Shenker, J. I., Goss, S. A., & Bernstein, D. A. (1996) Instructor’s resource manual for psychology. Boston: Houghton-Mifflin.

Sweller, J. (2006). The worked example effect and human cognition. Learning and Instruction, 16, 165-169.

Tositrakun, S. (2007) Khunying Bencha Saengli: Master of Thai Kindergarten Education in the Memorial of His Majesty the King at Wat Makutkasatriyaram (9 July 2007). Bangkok: RukLuke Family Group. (in Thai)

Ward, R. (1998). Active, collaborative and case-based learning with computer-based case scenarios. Computers & Education, 30, 103-110.