ความต้องการจำเป็นและรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการวัดและประเมินตามสภาพจริงสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้

Main Article Content

บำเพ็ญ หนูกลับ
สุรชัย มีชาญ
สุวพร เซ็มเฮง

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1)ศึกษาความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการวัดและประเมินตามสภาพจริงสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ (2) ศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติของรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการวัดและประเมินตามสภาพจริงสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในวิจัย ได้แก่ครูผู้สอนเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ในโรงเรียนเรียนรวมระดับประถมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต1 – 4 จำนวน 80 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้นและผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนในโรงเรียนเรียนรวมระดับประถมศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 จำนวน 14 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่แบบสอบถามและแบบบันทึกการสนทนากลุ่ม การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที การจัดลำดับความต้องการจำเป็นด้วยวิธีPriority Needs Index แบบปรับปรุง (PNImodified)และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า(1) ความต้องการจำเป็นมีค่า PNImodifiedอยู่ระหว่าง 0.307 ถึง 0.397 โดยมีสภาพที่คาดหวังและสภาพที่เป็นจริงทุกข้อแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01 และ (2) รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการวัดและประเมินตามสภาพจริงสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ควรประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ การฝึกอบรม การตรวจสอบนิเทศติดตามประเมินประสิทธิภาพความก้าวหน้า ผลการปฏิบัติงานและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนครูอย่างกัลยาณมิตรในภาพรวมมีความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติอยู่ในระดับมาก

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
หนูกลับ บ., มีชาญ ส., & เซ็มเฮง ส. (2018). ความต้องการจำเป็นและรูปแบบการพัฒนาสมรรถนะครูด้านการวัดและประเมินตามสภาพจริงสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้. วารสารศรีปทุมปริทัศน์ ฉบับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 17(1), 62–71. สืบค้น จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/spurhs/article/view/113149
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. 2547. การประชุมทางวิชาการ การวิจัยเกี่ยวกับการปฏิรูปการเรียนรู้. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.

ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กำหนดประเภทและหลักเกณฑ์ของคนพิการทางการศึกษา พ.ศ. 2552.(2552. 8 มิถุนายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 126ตอนพิเศษ 80 ง.หน้า 5-47.
ผดุง อารยะวิญญู; และวาสนา เลิศศิลป์. 2551. การเรียนรวม(Inclusion). กรุงเทพฯ: เจ.เอ็น.ที.

มณนิภา ชุติบุตร. 2553. การพัฒนาคุณภาพครูด้วยวิธีเสริมพลัง.กรุงเทพฯ: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานครเขต 3.

สถาบันราชานุกูล. 2555. เด็กแอลดี คู่มือสำหรับครู.กรุงเทพฯ: บียอนด์พับลิสชิ่ง.

สุวิมล ว่องวาณิช. 2558. การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น.พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สิรินภา กิจเกื้อกูล. 2553. “การสังเคราะห์รูปแบบการพัฒนาครูตามแนวปฏิรูป โดยการวิเคราะห์และสังเคราะห์เนื้อหาจากวิทยานิพนธ์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2543 ถึง2551”. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร12(2): 45-59.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. 2555ก. ความรู้พื้นฐานและแนวทางพัฒนานักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ คุรุสภาลาดพร้าว.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. 2555ข. แผนพัฒนาการจัดการศึกษา สำหรับคนพิการ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2555-2559). กรุงเทพฯ:สำนักงานฯ.

Cortiella,C. 2011. The State of Learning Disabilities.New York: National Center for Learning Disabilities.

Layton,C.A;. & Lock,R.H . 2007. Use Authentic Assessment Techniques to Fulfill the Promise of No Child Left Behind. Intervention in School and Clinic. 42(3): 169-173.
Preus,B. 2012. Authentic Instruction for 21st Century Learning : Higher Order Thinking in an Inclusive School. American Secondary. 40(3): 59-79.

Sparks,D.; & Loucks-Horsley, S. 1989. Five Models of Staff Development for Teachers. Journal of Staff Development. 10(4): 40-57.