การสร้างแบบวัดรูปแบบการคิดทางคณิตศาสตร์และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการคิดทางคณิตศาสตร์ เพศ ระดับผลการเรียน วิชาคณิตศาสตร์และสังกัดของโรงเรียนที่สำเร็จการศึกษา
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างและหาคุณภาพแบบวัดรูปแบบการคิดทางคณิตศาสตร์
2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการคิดทางคณิตศาสตร์กับเพศ ระดับผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ และสังกัดของโรงเรียนที่สำเร็จการศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประจำปีการศึกษา 2560 จำนวน 339 คน ได้กลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบวัดรูปแบบการคิดทางคณิตศาสตร์ ผลการวิจัย พบว่า แบบวัดรูปแบบการคิดทางคณิตศาสตร์ที่สร้างมีคุณภาพโดย คุณภาพด้านความตรงเชิงเนื้อหา โดยใช้เกณฑ์การพิจารณาค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of item-objective congruence : IOC) ซึ่งค่า IOC ของข้อคำถามที่ได้มีค่าเท่ากับ 1.00 ทุกข้อ คุณภาพเครื่องมือด้านความเที่ยง โดยใช้สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์สเปียร์แมน ซึ่งมีค่าเท่ากับ 0.879 และมีความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการคิดทางคณิตศาสตร์กับเพศ ( ) และอยู่ในระดับปานกลาง (Cramer’s V = .148) ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการคิดทางคณิตศาสตร์กับระดับผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ( ) และไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการคิดทางคณิตศาสตร์กับสังกัดของโรงเรียนที่สำเร็จการศึกษา ( )
Article Details
1. กองบรรณาธิการสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาและตัดสินการตีพิมพ์บทความในวารสาร
2. บทความทุกเรื่องจะได้รับการตรวจสอบทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิ แต่ข้อความและเนื้อหาในบทความที่ตีพิมพ์เป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว มิใช่ความคิดเห็นและความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยศรีปทุม
3.การคัดลอกอ้างอิงต้องดำเนินการตามการปฏิบัติในหมู่นักวิชาการโดยทั่วไป และสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เอกสารอ้างอิง
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. 2559. รายงานผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ช่วงชั้นที่ 4 (ม.6) ปีการศึกษา 2558 ฉบับที่ 2 ค่าสถิติระดับโรงเรียนแยกตามมาตรฐานการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ.
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. 2560. รายงานผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ช่วงชั้นที่ 4 (ม.6) ปีการศึกษา 2559 ฉบับที่ 2 ค่าสถิติระดับโรงเรียนแยกตามมาตรฐานการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. 2551. ทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตร์. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.2553. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์ครั้งที่ 3.กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
Borromeo, F. R. and Blum, W. 2011. “Are integrated thinkers better able to intervene adaptively? - A case study in a mathematical modelling environment.” The Proceedings of CERME 7 (Eds: M. Pytlak, T. Rowlands u. E. Swoboda), S. 927-936.
Harrison, A. F. and Bramson, R. and Robert, M. 1982. The art of thinking. New York. Berkley Books.
Ojha, H. and Singh, B. G. 2015. “Thinking styles of dolescence: A comparative study between two regions.”Indian Journal of Health and Wellbeing. 6(8), 811-815.
Sternberg, R. 1997. Thinking Styles. New York: Cambridge University Press.
Wang, T. L. & Tseng, Y. K. 2015. “Do thinking styles matter for science achievement and attitudes toward science class in male and female elementary school student in taiwan?” International Journal of Science and Mathematics Education. 13, 515-533.
Zhang, L-F. 2004. “Revisiting the predictive power of thinking styles for academic performance.” The Journal of Psychology. 138 (4), 351-270.