ผลการใช้รูปแบบบูรณาการความร่วมมือเพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา ในภูมิภาคเหนือตอนล่าง The Effectiveness of Implementation of Integrated Collaborative Model to Reduce the Disparities of Education Quality and Standards in Educational Service Area in the Lower North Region
Main Article Content
Abstract
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลการใช้รูปแบบบูรณาการความร่วมมือเพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา ในเขตพื้นที่การศึกษาในภูมิภาคเหนือตอนล่าง 2) ศึกษาความพึงพอใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีต่อคณะทำงานเครือข่ายความร่วมมือ แหล่งข้อมูล ได้แก่ ผู้บริหารระดับเขตพื้นที่การศึกษา ศึกษานิเทศก์และผู้บริหารสถานศึกษาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำรูปแบบไปใช้ จากเขตพื้นที่การศึกษาจำนวน 5 เขต เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้ แบบบันทึกหลักฐานร่องรอย การสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม และแบบสอบถามความพึงพอใจต่อคณะทำงานเครือข่ายความร่วมมือ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและร้อยละ ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพดำเนินการวิเคราะห์เนื้อหา และนำเสนอแบบพรรณนาวิเคราะห์
ผลการวิจัย พบว่า 1.ผลการใช้รูปแบบบูรณาการความร่วมมือเพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านคุณภาพและมาตรฐาน การศึกษา พบว่า ภายหลังการนำรูปแบบไปใช้ เขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษากลุ่มเป้าหมายมีการสร้างและขยายเครือข่ายการบูรณาการความร่วมมือเพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา มีการทำงานเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างเป็นระบบ และส่งผล ต่อการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา ทั้งในด้านการยกระดับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน ความเข้าใจในระบบประกันคุณภาพของผู้บริหารและครู ผู้ปกครองเกิด ความศรัทธาและยอมรับในคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา 2) ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีความพึงพอใจต่อคณะทำงานเครือข่ายความร่วมมือฯ ทั้งในภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก
The objectives of this research were 1) to investigate the effect of the implementation of the integrated collaboration model to reduce the disparities of education quality and standards of the 5 offices of Educational Service Areas in the Lower North region. 2) to investigate the satisfaction of the stakeholders toward the collaboration network working group. The data sources were supported by the directors of the Educational Service Areas, supervisors and school sdmonistrators. The research data was collected by questionnaires , evidence checklists , interviews and focus group discussions. The quantitative data was analyzed by mean standard deviation and percentage, qualitative data was analyzed by content analysis and narrative.
The research results revealed that: 1) The offices of Educational Service Areas and schools utilizing the integrated collaboration model had create and expand the integrated collaboration networks to reduce disparities of education quality and standards. In addition, they had systematically developed their performance as well as the implementation of the model. The results suggested that the model helped the schools to improve their education quality, to raise achievement and provided the school administrators and the teachers with better understanding in the quality assurance system. The parents had faith and accepted the school quality. 2) The stakeholders were highly satisfied with the overall and each part of the collaboration network working group.
Article Details
References
ธนา ประมุขกูล. (2547). บทความปริทัศน์. ขอนแก่น: ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ เขต 6. สำนักทดสอบทางการศึกษา.
ภัทรวรรธน์ นิลแก้วบวรวิชญ์. (2559).รูปแบบการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต. มหาวิทยาลัยบูรพา, ชลบุรี.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2556). สรุปผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม(พ.ศ. 2554 - 2558) ของสถานศึกษาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค.
สำนักทดสอบทางการศึกษา, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2560). เอกสารประกอบการประชุมปฏิบัติการการสังเคราะห์รูปแบบการบูรณาการความร่วมมือเพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาระดับเขตพื้นที่การศึกษา. วันที่ 13-17 กรกฏาคม 2560.
อิทธิพัทธ์ สุวทันพรกุล. (2558) การวิเคราะห์และสังเคราะห์กลยุทธ์การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน : พหุกรณีศึกษาสถานศึกษาที่มีผลการทดสอบทางการศึกษาในระดับดี. วารสารวิธีวิทยาการวิจัย, 28(1): 27-47.
เอกรัฐ พิมพ์ไทย. (2548). ความไม่เสมอภาคในการได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ : การวิเคราะห์แยกระดับความไม่เสมอภาคและแนวโน้ม. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.
Breeding, R.R. (2008). Empowerment as a function of contextual self-understanding. Rehabilitation Counseling Bulletin, 51(2): 96-106.
Clutterbuck. D., & Kernaghan, S. (1994). The power of empowerment. London: Kogan Page Limited.
Graham, J., & Wright. J.A. (1999). What does interprofessional collaboration mean to Professionals working with pupils physical disapilities? British Journal of Special Education, 22(1).
Kolen, M.J and Brennan, R.J. (2014). Test equating, scale and linking : Methods and practices. New York: Springer-Verlag.
Lashley, C. (2001). Empowerment: HR strategies for service excellence. Oxford: Elsevier Butterworth Heinemann.