ผลการสอนโดยใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ และความสามารถใน การแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3; The Effects of Inquiry Method Focusing on Problem Solving on Mathematics Ac
Article Sidebar
Main Article Content
Abstract
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ 1) ศึกษาจำนวนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหา ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ที่ได้รับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหาและ 3) ศึกษาจำนวนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ที่ได้รับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหา ที่มีความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็ม
กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 30 คน ปีการศึกษา 2557 โรงเรียนทับกฤชพัฒนา ตำบลทับกฤช อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งได้จากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหา
ซึ่งผ่านการตรวจคุณภาพแล้วว่ามีความเหมาะสมมากที่สุด 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์
ซึ่งเป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 25 ข้อ มีค่าความยากระหว่าง .36 - .76 และอำนาจจำแนกระหว่าง .21 - .60 และมีค่าความเที่ยงเท่ากับ .69 3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นแบบอัตนัย จำนวน 5 ข้อ มีค่าความยากระหว่าง .45 - .56 และอำนาจจำแนกระหว่าง .68 - .80 และมีค่าความเที่ยงเท่ากับ .82
ผลการวิจัยพบว่า
1. นักเรียนที่ได้รับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหา ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม มีจำนวน 24 คนคิดเป็นร้อยละ 80
2. นักเรียนที่ได้รับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหา มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนที่ได้รับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหา ที่มีความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็ม มีจำนวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 83.33
Abstract
The purposes of this research were 1) to study the number of Matthayomsuksa 3 student staught by using Inquiry Method Focusing on Problem Solving Skills with achievement passing score of 70 percent, 2) to compare the mathematics learning achievement of Matthayomsuksa 3 students before and after being taught by using Inquiry Method Focusing on Problem Solving Skills, and 3) to study the number of Matthayomsuksa 3 students by using Inquiry Method Focusing on Problem Solving Skills with the ability to solve mathematics with the criteria of 75 percent of the total score.
The samples were 30 Matthayomsuksa 3/1 students at Tapkritphattana School in the first semester of the academic year 2014 and were selected by cluster random sampling.
The research instruments were 1) lesson plans using Inquiry Method Focusing on Problem Solving Skills with the most appropriate level, 2) the Mathematics achievement test with 25 items, multiple choices with the content difficulty level between .36 to .76, the discrimination power between .21 to .60, and the reliability coefficient of .69, 3) the mathematical problems solving ability subjective test with 5 items, the contents difficulty level between .45 to .56, the discrimination power between .68 to .80, and the reliability coefficient of .82.
The research findings were as follows:
1. The number of students learning through Inquiry Method Focusing on Problem Solving Skills had learning achievement passing the criteria of 70 percents of total scores was 24, amounting to 80 percents.
2. The students learning through Inquiry Method Focusing on Problem Solving Skills had learning achievement more than before learning at the significant level of .05.
3. The number of students learning through Inquiry Method Focusing on Problem Solving Skills had mathematical problem solving ability passing the criteria of 75 percents of total scores was 25, amounting to 83.33 percents.