ผลการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยวิธีการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วยเกมที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6; The Effect of Cooperative Learning with Teams Game Tournament Technique toward Mathematic Achievemen

Abstract

บทคัดย่อ

           การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบจำนวนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยวิธีการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วยเกม ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม กับเกณฑ์จำนวนร้อยละ 70 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยวิธีการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วยเกม และ 3) เพื่อศึกษาเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยวิธีการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วยเกม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6  ปีการศึกษา 2557 โรงเรียนรัฐเขื่อนพลเทพอุปถัมภ์ จำนวน 16 คน  ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม  เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยวิธีการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วยเกม  ซึ่งผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 คน มีค่าเฉลี่ยรวม เท่ากับ 4.52 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.50  2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เป็นแบบปรนัยจำนวน 30 ข้อ มีค่าความยากง่ายตั้งแต่ 0.44 - 0.76 มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.33 - 0.55 และมีค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.94  และ 3) แบบวัดเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ มีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 24 ข้อ มีค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.73

                ผลการวิจัยพบว่า

                1.  นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยวิธีการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วยเกม จำนวนร้อยละ 100  ของจำนวนนักเรียนทั้งหมดมี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ผ่านเกณฑ์
คะแนนร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม อย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ .05

                2.  นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยวิธีการแข่งขันระหว่างกลุ่ม
ด้วยเกม มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

                3.  นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยวิธีการแข่งขันระหว่างกลุ่มด้วยเกม  มีเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์อยู่ในระดับดีมาก

Abstract

                The purposes of this research were 1) to compare the number of Prathomsuksa 6 students being learned by cooperative learning with teams game tournament who obtained 70 percent of total scores with 70 percent criterion, 2) to compare mathematics achievement of Prathomsuksa 6 students being learned by  cooperative learning with teams game tournament after and before learning, and 3) to study attitude towards  mathematics of Prathomsuksa 6 students being learned by cooperative learning with teams game tournament. The samples consisted of 16 Prathomsuksa 6 students of Ratkhuanpholathepuppatham School in the second semester of academic year 2014 selected by cluster random sampling. The research instruments were 1) the teams game tournament in cooperative learning lesson plans approved by 3 specialists with Mean of 4.52 and Standard Deviation of 0.50, 2) the Mathematics achievement test with 30 items, 4 multiple choices, with degree of difficulty from 0.44 to 0.76, the discrimination power from 0.33 to 0.55, and reliability coefficient of  0.94, and 3) the Mathematics attitude test with a 5-level rating scale, 24 items, the reliability coefficient of  0.73.

                The Research findings were as follows:

                1.  100 percents of Prathomsuksa 6 students being learned by cooperative learning with teams game  tournament passed the criterion score of 70 percents of total scores at the .05 level of significance.

                2.  The Prathomsuksa 6 students being learned by cooperative learning with teams game tournament achieved a higher score in the posttest than that in the pretest at the .05 level of significance.

                3.  The Prathomsuksa 6 students’ attitude towards Mathematics through the use of cooperative  learning with teams game tournament after being learned was at a high level.