รูปแบบความร่วมมือทางวิชาการของครูในสหวิทยาเขตของโรงเรียนมัธยมศึกษา

Main Article Content

วัชรินทร์ เรืองสุขสุด
ไพรวัลย์ โคตรตะ
ชวนคิด มะเสนะ

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพและความต้องการความร่วมมือทางวิชาการของครูในสหวิทยาเขตของโรงเรียนมัธยมศึกษา กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 258 คน  2) สร้างรูปแบบความร่วมมือทางวิชาการของครูในสหวิทยาเขตของโรงเรียนมัธยมศึกษา กลุ่มเป้าหมายคือ ผู้เชี่ยวชาญด้านความร่วมมือทางวิชาการของครูในสหวิทยาเขตของโรงเรียนมัธยมศึกษา จำนวน 9 คน 3) ทดลองใช้รูปแบบ กลุ่มเป้าหมาย คือ โรงเรียนในสหวิทยาเขตเมืองบุรีรัมย์ และ 4) การประเมินรูปแบบ กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จำนวน 11 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ และแบบประเมิน สถิติที่ใช้วิเคราะห์ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน


ผลการวิจัย พบว่า 1) สภาพปัจจุบันความต้องการความร่วมมือทางวิชาการของครูในสหวิทยาเขตของโรงเรียนมัธยมศึกษาอยู่ในระดับมาก 2) รูปแบบความร่วมมือทางวิชาการของครูในสหวิทยาเขตของโรงเรียนมัธยมศึกษา มี 4 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) ด้านการพัฒนาศักยภาพครู (2) ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ (3) ด้านสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อจัดการเรียนรู้ และ (4) ด้านการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน 3) ผลการทดลองใช้รูปแบบ พบว่าองค์ประกอบด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ ก่อนทดลองใช้อยู่ในระดับคุณภาพพอใช้ และหลังทดลองใช้รูปแบบอยู่ในระดับคุณภาพดี และ 4) ผลการประเมินรูปแบบ พบว่า ด้านความเหมาะสม ด้านความเป็นไปได้ และด้านความเป็นประโยชน์โดยรวมอยู่ในระดับมาก

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย (Research Articles)

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2556). คู่มือการบริหารสถานศึกษาที่เป็นนิติบุคคล. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

ต่อศักดิ์ บุญเสือ. (2556). การพัฒนารูปแบบการบริหารสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วม สำหรับสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลพบุรี เขต 2. วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 8(2), น. 44-50.

ณัฐพงษ์ ฉลาดแย้ม. (2552). การพัฒนากิจกรรมโครงการวิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนในช่วงชั้นที่ 3 โรงเรียนในอำเภอศรีบุญเรือง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหนองบัวลำภู เขต 1. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 28(1), น. 74-82.

บุญเพิ่ม สอนภักดี. (2559). รูปแบบเครือข่ายความร่วมมือเพื่อพัฒนาการจัดการศึกษาของโรงเรียนในสังกัดเทศบาล (รายงานผลการวิจัย). พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร.

พิสิฐ เทพไกรวัล. (2554). การพัฒนารูปแบบเครือข่ายความร่วมมือเพื่อคุณภาพการจัดการศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก. (รายงานผลการวิจัย). ขอนแก่น: มหาวิทยาลัย ขอนแก่น.

ระวี จันทะนาม. (2557). รูปแบบการบริหารงานวิชาการแบบมีส่วนร่วมที่มีประสิทธิผลในโรงเรียนขนาดกลาง (รายงานผลการวิจัย). อุบลราชธานี: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.

วิชัย แสงศรี. (2552). การศึกษาวิเคราะห์และพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการเครือข่ายสถานศึกษาในเขตพื้นที่ชนบทภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (รายงานผลการวิจัย). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

วีระพล บุญทวี, พงษ์ธร สิงห์พันธ์ และชวนคิด มะเสนะ. (2565). รูปแบบเครือข่ายความร่วมมือในการบริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา (รายงานผลการวิจัย). อุบลราชธานี: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.

ศิริพร ตันติยมาศ. (2550). รูปแบบการบริหารเครือข่ายโรงเรียนแบบมีส่วนร่วมที่มีประสิทธิผล สังกัดกรุงเทพมหานคร (รายงานผลการวิจัย). นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.

สมาน อัศวภูมิ. (2550). การใช้วิจัยพัฒนารูปแบบในวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก. วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 2(2), น. 83-84.

สุรินทร์ แก้วมณี. (2558). รูปแบบการบริหารแบบมีส่วนร่วมขององค์คณะบุคคลเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (รายงานผลการวิจัย). พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2550). แนวทางการกระจายอํานาจการบริหารและการจัดการศึกษาให้คณะกรรมการ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาตามกฎกระทรวงกําหนดหลักเกณฑและวิธีการกระจายอํานาจบริหารและจัดการศึกษา พ.ศ. 2550. กรุงเทพฯ: ผู้แต่ง.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2552). ข้อเสนอการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561). กรุงเทพฯ: ผู้แต่ง.

Plymouth State University. (2003). Area of Concern/Targets for Growth indicators. Retrieved January9, 2004, from http//www.plymount.edu/educate/growth_ indicators.pdf