Banana No Miryoku Wo 100 Moji De Tsutaetekudasai

Main Article Content

Yaowapanee Rodpech

Abstract

ยุคนี้การพูดมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพราะการพูดไม่เป็นเพียงการสื่อสารให้ผู้ฟังเข้าใจเท่านั้น แต่การพูดหมายถึงการใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ฟังจดจำเราได้มากกว่าผู้อื่น ทั้งนี้เพราะปัจจุบันเป็นยุคที่ข้อมูลข่าวสารมีปริมาณมาก และเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การสื่อสารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การสอน การค้าขายสินค้า นิยมทำผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งเนื้อความคำพูดต้องสั้น และเป็นที่จดจำของผู้ฟัง การสื่อสารให้ผู้ฟังจดจำอย่างจับใจจึงไม่ใช่แค่พูดออกไปเท่านั้น แต่ต้องอาศัยเทคนิคเพื่อให้ทุกคำพูดทรงพลังที่สุด ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คือ ทาคาฟุมิ คาคิอุจิ ได้นำประสบการณ์การทำงานที่มีระยะเวลาหลายปี มาเขียนเป็นเทคนิคการสื่อสารที่ดูง่ายแต่เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะจับใจคนฟัง เขาเปรียบว่าการสื่อสารง่าย ๆ แบบนี้ว่าเหมือนปอกกล้วย ซึ่งหากนำไปปฏิบัติแล้วปรับใช้ในการทำงาน การติดต่อสื่อสาร การนำเสนอผลงาน หรือกระทั่งความสัมพันธ์ในครอบครัว ก็จะทำให้ทุกเรื่องราบรื่น


หนังสือเรื่อง “พูดแบบนี้ไง ใคร ๆ ก็อยากฟัง” เป็นหนังสือแนวพัฒนาตนเองเน้นการพูดสร้างความสัมพันธ์ และการใส่ใจความรู้สึกของคนฟัง ไม่ได้เน้นให้พูดเก่งแบบพูดเยอะ แต่เน้นการพูดให้ตรงใจคนฟัง ให้คนฟังเข้าใจเนื้อหาที่พูดและอยากฟังการพูดนี้จนจบ


บทนำของหนังสือมีถึง 24 หน้าซึ่งค่อนข้างยาวมากกว่าหนังสือทั่วไป ช่วงแรกเป็นช่วงของผู้เขียนคือ ทาคาฟุมิ คาคิอุจิ ทำความรู้จักกับผู้อ่าน เขาได้อธิบายตัวตนของเขาว่าตอนช่วงวัยเด็กเขาพูดไม่เก่งเลย เป็นคนขี้อายมาก ๆ และเล่าเหตุการณ์ที่เขาอายมาก ๆ ซึ่งผู้อ่านจะเห็นว่าเหตุการณ์ที่เขาเล่านั้น ไม่ใช่เหตุการณ์ที่น่าอายเลย การนำผู้อ่านให้รู้สึกแบบนี้หมายความว่าเขามีบทนำที่ชาญฉลาด ให้ผู้อ่านซึ่งกำลังสนใจอยากพูดได้เก่งแบบเขาได้รู้สึกว่าผู้อ่านกล้าหาญกว่าตัวผู้เขียนเสียอีก เป็นลักษณะทั่วไปที่ดีในการเจรจาคือ ถ่อมตัวและยกย่องผู้ที่เรากำลังเจรจาด้วยซึ่งส่งผลให้ผู้ที่เราเจรจาด้วยรู้สึกสบายใจ สนใจที่จะฟังสิ่งที่เรากำลังจะพูดต่อไป ช่วงแรกนี้ผู้เขียนคือ ทาคาฟุมิ คาคิอุจิ จึงดึงดูดความสนใจจากผู้อ่าน ให้รู้สึกสบายใจ และสนใจสิ่งที่เขากำลังนำเสนอในหนังสือนี้


ช่วงกลางของบทนำ ทาคาฟุมิ คาคิอุจิ บอกวิธีการในการฝึกพูดของเขา โดยจากที่ตัวตนของเขาขี้อายและพูดไม่เก่ง เมื่อไปทำงานครั้งแรกความเขินอายพูดไม่เก่งของเขา ทำให้ถูกรุ่นพี่ในที่ทำงาน ดุว่า “นิสัยส่วนตัวนำมาใช้ในที่ทำงานไม่ได้นะ” ทำให้เขาเข้าใจทันทีว่านิสัยเขินอายพูดไม่เก่งต้องเก็บไว้ที่บ้าน ในที่ทำงานต้องเป็นอีกคนหนึ่งที่พร้อมสำหรับทำงาน เขาจึงใช้วิธีการสร้างตัวตนของเขาอีกคนหนึ่ง และหาบุคคลต้นแบบที่เขาสนใจว่าบุคคลนั้นพูดได้ดีตามความเห็นของเขา จากนั้นใช้ตัวตนที่สองนี้ฝึกพูดเลียนแบบให้เหมือนการพูดของบุคคลต้นแบบของเขา วิธีการสร้างตัวตนแบบสองร่างนี้ ผู้อ่านจะรู้สึกว่าเป็นการสร้างความมั่นใจให้ตัวเองว่าเราไม่ได้เสียตัวตนของเรา เรากลับมาเป็นตัวตนเดิมได้เสมอ การมีสองตัวตนทำให้สามารถพัฒนาตัวตนที่สร้างขึ้นเป็นร่างที่สองนี้ให้ทันยุคทันสมัยปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ส่วนกลางของบทนำนี้ ทาคาฟุมิ คาคิอุจิ สร้างความมั่นใจให้ผู้อ่านหนังสือเล่มนี้ ผู้อ่านจึงพร้อมที่จะอ่านหนังสือนี้ในส่วนต่อไป


ส่วนท้ายของบทนำ เป็นการที่ ทาคาฟุมิ คาคิอุจิ เขียนเล่าให้ผู้อ่านฟังถึงเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยมีคนปฏิบัติแต่เมื่อปฎิบัติแล้วกลับประสบความสำเร็จ สร้างความประทับใจให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ส่งผลดีต่อกิจการในทุก ๆ ด้าน เขาได้เล่าถึงหลายเหตุการณ์ อาทิ


เรื่อง ร้านผักและผลไม้ได้บอกบางอย่างกับลูกค้าแบบที่ร้านอื่น ๆ มักไม่บอกกับลูกค้า ผู้เขียนเล่าว่าเจ้าของร้านผักและผลไม้ บอกลูกค้าเสมอว่า วันนี้มีผักและผลไม้ใดบ้างที่ไม่แนะนำให้ลูกค้าซื้อ  ซึ่งโดยมุมมองของเจ้าของร้านเป็นเพียงการรักษาลูกค้า เพราะหากลูกค้าซื้อสินค้าไม่ดีไปครั้งหน้าย่อมไม่กลับมาซื้ออีก ผู้เขียนได้วิเคราะห์ว่าในประโยคที่บอกลูกค้าไปนั้นประกอบด้วยเทคนิคการสื่อสาร หลายเทคนิค ได้แก่ เทคนิคการเปรียบเทียบ หมายถึง เมื่อลูกค้าเกิดการเปรียบเทียบสินค้าไม่ดีที่ร้านบอก ลูกค้าจะประทับใจและเข้าใจความหมายรวมความว่าสิ่งอื่น ๆ ที่เหลือทุกอย่างในร้านย่อมเป็นสินค้าที่ดีจริง ๆ ทาคาฟุมิ คาคิอุจิ ให้เทคนิคว่า “การพูดส่วนด้อยจะทำให้ส่วนดีโดดเด่นขึ้นมา” กรณีนี้สินค้าที่ไม่แนะนำให้ซื้อคือส่วนด้อย สินค้าอื่นทั้งหมดในร้านคือส่วนดี และทาคาฟุมิ คาคิอุจิ ให้เทคนิคว่า “เปรียบเทียบแล้วจะทำให้เข้าใจมากขึ้น” กรณีนี้คือสินค้าที่ไม่แนะนำให้ลูกค้าซื้อถูกเปรียบเทียบกับสินค้าดี นอกจากนี้เขาแนะนำว่า “สื่อสารให้ถึง ไม่ใช่เพียงสื่อสารออกไป” เพราะการสื่อสารให้ถึงเป็นการยึดผู้ฟังเป็นศูนย์กลาง แต่ สื่อสารออกไปเป็นการยึดผู้พูดเป็นศูนย์กลาง กรณีร้านผักและผลไม้เจ้าของร้านได้สื่อสารให้ถึง เพราะเมื่อลูกค้าได้ยินตามที่ร้านไม่แนะนำให้ซื้อสินค้า ลูกค้าจะซาบซึ้งว่าร้านค้าทำแบบนี้อย่างจริงใจ มีความบริสุทธิ์ใจต่อลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้สินค้าที่ดีแน่นอน ทุกอย่างที่ลูกค้าเข้าใจจากการสื่อสารนี้คือเป็นการทำเพื่อลูกค้าทุกประการ จึงเรียกว่า “สื่อสารให้ถึง” เป็นตัวอย่างของการ “สื่อสารให้ถึง” ด้วยด้วยคำพูด


อีกเรื่อง คือเรื่อง ร้านอาหารมีวิธีเปลี่ยนน้ำเปล่าให้ลูกค้ารู้สึกเป็นน้ำเปล่าแสนอร่อย ผู้เขียนใช้เรื่องนี้เป็นตัวอย่างของการ “สื่อสารให้ถึง” ด้วยการกระทำและอิริยาบทในการเสริฟน้ำเปล่า ซึ่งกระทำแบบมืออาชีพมีการโค้งคำนับ และกระทำท่าทางที่นุ่มนวล ตั้งใจ ให้ลูกค้าเห็นความใส่ใจ เพียงเท่านี้ก็เปลี่ยนใจให้ลูกค้ารู้สึกว่าน้ำเปล่าธรรมดานี้แสนอร่อย เป็นตัวอย่างของการ “สื่อสารให้ถึง” ด้วยท่าทางนั่นเอง


ในส่วนท้ายของบทนำนี้ผู้เขียนบอกว่า ตัวอย่างที่ผ่านมาเป็นโครงสร้างของการสื่อสารที่ซ่อนเทคนิคการสื่อสารไว้ เขาจะไม่สรุปว่าโครงสร้างดังกล่าวเป็นเทคนิคในการพูดแบบใด แต่ผู้อ่านจะเกิดความรู้สึกที่ว่า หากกิจการของเราใช้การพูดแบบนี้ตามเหตุการณ์ที่ ทาคาฟุมิ คาคิอุจิ เขียนเล่ามา ก็คงจะทำให้กิจการของเราดีงามแน่ ๆ ส่วนท้ายของบทนำชี้ให้เห็นข้อดีของการพูดที่ดึงดูดใจผู้ฟัง และสรุปประโยชน์ของการใช้เทคนิคการพูดไว้ 20 ประการ เช่น ทำให้ความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ดีขึ้น สนุกกับการทำงานมากขึ้น เป็นต้น  แต่ไม่ได้บอกเทคนิคใด ๆ เลย ผู้เขียนได้สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้ผู้อ่านได้คล้อยตามและพร้อมที่จะฟังเทคนิคการพูดที่ดึงดูดใจและพร้อมในการนำไปใช้ ตามที่ผู้เขียน คือ ทาคาฟุมิ คาคิอุจิ ได้นำเสนอไว้เป็นบทต่อ ๆ ไป อย่างเต็มใจ


          หนังสือนี้แสดงส่วนของบทต่าง ๆ ที่ประกอบด้วย 5 บท คือ


บทที่ 1 ชื่อว่า คนเราตัดสินด้วยสารที่สื่อถึงไม่ใช่ความถูกต้อง


บทที่ 2 ชื่อว่า "การสื่อสารให้เข้าใจ" คืออาคาร 7 ชั้น


บทที่ 3 ชื่อว่า เทคนิคการพูด เทคนิคการสื่อสาร


บทที่ 4 ชื่อว่า 4 ข้อปฏิบัติของ "คนที่สื่อสารรู้เรื่อง"


บทที่ 5 ชื่อว่า วิธีรับมือกับ "คนที่สื่อสารด้วยยาก"


                และ  บทส่งท้าย กล้วยกับฉัน

Article Details

How to Cite
Rodpech, Y. (2025). Banana No Miryoku Wo 100 Moji De Tsutaetekudasai. Southeast Bangkok Journal (Humanities and Social Sciences), 11(1), 143–148. retrieved from https://so05.tci-thaijo.org/index.php/SB_Journal/article/view/280974
Section
Book Reviews

References

เขียนโดย Takafumi Kakiuchi (ทาคาฟุมิ คาคิอุจิ)

แปลโดย ดนพ ลีนุกูล

สำนักพิมพ์ O2 @dotbooksfan

หน้า ราคา 295 บาท

ISBN: 978-616-8329-35-1