การสร้างสรรค์นาฏยศิลป์จากความศรัทธาเทพฮินดู ชุด อุมามเหศวร

ผู้แต่ง

  • อภิโชติ เกตุแก้ว คณะอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
  • นรีรัตน์ พินิจธนสาร คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

คำสำคัญ:

การสร้างสรรค์นาฏยศิลป์อุมามเหศวร, ประติมากรรมอุมามเหศวร เทพเจ้าในศาสนาฮินดู, ไศวนิยม

บทคัดย่อ

การสร้างสรรค์นาฏยศิลป์ ชุด อุมามเหศวร มีจุดมุ่งหมายเพื่อนําาเสนอถึงความเป็นมาของภาพประติมากรรมรูปอุมามเหศวรที่ค้นพบเป็นหลักฐานทางโบราณคดี สะท้อนถึงคติความเชื่อและความศรัทธาต่อเทพเจ้าฮินดูในไศวนิกาย รวมทั้งแสดงถึงการอิทธิพลจากอารยธรรมอินเดียของไทยโดยผ่านวัฒนธรรมขอม โดยผู้วิจัยได้ทําาการเก็บข้อมูลจากการศึกษาข้อมูลเชิงเอกสารที่เกี่ยวข้อง และการลงพื้นที่สําารวจเพื่อศึกษารูปลักษณะของภาพประติมากรรมอุมามเหศวรที่ปราสาทหินพนมรุ้งและปราสาทหินเมืองตํา่าในจังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งนี้ผู้วิจัยได้นําาข้อมูลมาวิเคราะห์และสังเคราะห์เพื่อออกแบบการแสดงตามองค์ประกอบการแสดงทางนาฏยศิลป์ผลการสร้างสรรค์พบว่า การสร้างสรรค์นาฏยศิลป์ ชุด อุมามเหศวร มีรูปแบบตามองค์ประกอบการแสดง 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1. เนื้อหาการแสดง: แบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ประติมากรรมอุมามเหศวร มหาเทพของจักรวาล และการปกป้องดูแลทุกสรรพสิ่ง 2. นักแสดง: คัดเลือกได้ผู้แสดงชาย 1 คนในบทบาทของพระศิวะ และผู้แสดงหญิง 1 คน บทบาทของพระอุมา โดยพิจารณาจากทักษะทางนาฏศิลป์และลักษณะทางกายภาพที่เหมาะสมกับบทบาท 3. ลีลานาฏยศิลป์: ใช้การผสมผสานลักษณะลีลาร่วมกันของนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์อินเดีย 4. เพลงดนตรี: ประพันธ์เพลงขึ้นใหม่เป็นดนตรีร่วมสมัยผสมผสานเสียงจากเครื่องดนตรีอินเดียและขอมโดยใช้การแต่งเสียงดนตรีเพิ่มเติมจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 5. เครื่องแต่งกาย: การออกแบบมีความเป็นพหุวัฒนธรรมสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมร่วมระหว่างอินเดียและขอมและเลือกใช้วัสดุพื้นเมืองเพื่อสะท้อนถึงที่มาของการแสดง และ 6. แสงสี: ใช้แสดงสีโทนเข้ม เพื่อแสดงถึงพลังของเทพเจ้าและที่ตั้งของประติมากรรมในปราสาท และใช้แสงโทนสว่างส่องเฉพาะจุดเพื่อสร้างแสงเงาเน้นให้เห็นสรีระผู้แสดง ทั้งนี้ในการประกอบสร้างผลงานในครั้งนี้ถือเป็นการศึกษาและพัฒนาผลงานนาฏยศิลป์สร้างสรรค์ตามกระบวนการในแนวทางเชิงวิชาการที่สามารถสะท้อนถึงคติความเชื่อทางศาสนาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนเป็นผลงานที่ทําาให้คนรุ่นใหม่เกิดความสนใจในงานทางประวัติศาสตร์โบราณคดี และเข้าใจถึงคุณค่าของงานทางด้านนาฏยศิลป์มากขึ้นอีกด้วย

เอกสารอ้างอิง

คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง. (2561). “เทวนิยมอินเดีย : เส้นทางและปรากฏการณ์ในสังคมไทย Indian Theism: Development and Its Phenomenon in Thai Society”. Veridian E-Journal, Silpakorn University, 11(2), 1582-1597.

จุติกา โกศลเหมมณี. (2556). รูปแบบและแนวความคิดในการสร้างสรรค์งานนาฏยศิลป์ไทยร่วมสมัย ของ นราพงษ์ จรัสศรี [วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย].

เดลินิวส์ออนไลน์. (2566). มองลึก ๆ...เพื่อ ‘เข้าใจ’ ไม่ดราม่า ‘วัฒนธรรมร่วม’ แห่ง ‘อุษาคเนย์’.https://www.dailynews.co.th/news/2094711/

ศิริศักดิ์ ดําาเกิง. (2549). แนวคิดพหุวัฒนธรรม (Multiculturalism). ภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร.

สดใส พันธุมโกมล. (2520). ศิลปะการแสดง. คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สุจิตต์ วงษ์เทศ. (2555). "วัฒนธรรมร่วม" ในอุษาคเนย์ รากเหง้าเก่าแก่ของประชาคมอาเชียน. https://prachatai.com/journal/2012/08/42238 .

วัฒนวุฒิ ช้างชนะ. (2564). การสื่อความหมายผ่านงานประติมากรรมของศาสนาฮินดูในกรุงเทพมหานคร [วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาศิลปวัฒนธรรม, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ].

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

เผยแพร่ 2024-12-31 — ปรับปรุง 2024-12-31

เวอร์ชัน

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัยสร้างสรรค์