แนวทางการบริหารจัดการเพื่อส่งเสริมการทาวิจัยในชั้นเรียน ของโรงเรียนเทศบาล 1 (เวียงเชียงแสน)
คำสำคัญ:
การบริหารจัดการ, การส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียนบทคัดย่อ
การศึกษาอิสระครั้งนี้เป็นการศึกษาแนวทางการบริหารจัดการเพื่อส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียนของโรงเรียนเทศบาล 1 (เวียงเชียงแสน) ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ มีจำนวน 17 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสัมภาษณ์ นำข้อมูลที่ได้ไปดำเนินการจัดสนทนากลุ่มเพื่อหาแนวทางการบริหารจัดการเพื่อส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) การแจกแจงความถี่นาเสนอในรูปของความเรียง ผลการศึกษาพบว่า 1. สภาพในการบริหารจัดการเพื่อส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียน พบว่า ด้านการดำเนินการจัดทาแผน มีนโยบายกำหนดให้ครูทำวิจัยในชั้นเรียน ปีการศึกษาละ 1 เรื่อง โดยการประชุมชี้แจงให้ครูทราบนโยบายวัตถุประสงค์และความสำคัญของการทำวิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ด้านการปฏิบัติตามแผนได้แบ่งกลุ่มเพื่อให้คำแนะนาช่วยเหลือกันพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนครูในการทำวิจัยในชั้นเรียน ด้านการตรวจสอบความคืบหน้าและประเมินผล มีการตรวจสอบความคืบหน้าและประเมินผลบ้างแต่ขาดความต่อเนื่อง ด้านการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง มีการพัฒนาปรับปรุงระบบข้อมูลสารสนเทศด้านการพัฒนาเรียนรู้เพื่อการทำวิจัยในชั้นเรียน ขาดการประเมินผลจึงส่งผลให้ครูยังไม่ได้แก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น 2. ปัญหาในการบริหารจัดการเพื่อส่งเสริมการทาวิจัยในชั้นเรียน พบว่า ด้านการดำเนินการจัดทำแผน ครูไม่มีส่วนร่วมในการวางแผน การกำหนดบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของครูในการทำวิจัยในชั้นเรียนยังไม่มีความชัดเจน งบประมาณพัฒนาการทำวิจัยในชั้นเรียนยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของครู ด้านการปฏิบัติตามแผน ครูไม่สามารถปฏิบัติตามแผนในการทำวิจัยในชั้นเรียนได้ตามกาหนดเวลา ด้วยจำกัดด้านเวลาภาระงาน ครูไม่มีรูปแบบวิธีการวิจัยที่เป็นแบบอย่าง ขาดทักษะความรู้ความเข้าใจการวิจัยในชั้นเรียน ด้านการตรวจสอบความคืบหน้าและประเมินผล ผู้บริหารไม่มีการนิเทศครูผู้สอนเกี่ยวกับการทำวิจัยในชั้นเรียนอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ครูขาดความมั่นใจในการทำวิจัยในชั้นเรียน ด้านการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง ครูไม่ได้รับการชี้นำ กระตุ้นให้เกิดการปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอนโดยปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียน ขาดการติดตามและร่วมแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องในการทำวิจัยในชั้นเรียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ครูไม่มีผลงานวิจัยที่ได้มีโอกาสในการเผยแพร่ผลงานของตนเอง 3. แนวทางการบริหารจัดการเพื่อส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียน พบว่า ควรมีการวางแผนกำหนดนโยบายการทำวิจัยในชั้นเรียนของครู ปีการศึกษาละ 1 เรื่อง วางแผนการใช้วัสดุอุปกรณ์ให้เพียงพอกับความต้องการ วางแผนการจัดสรรงบประมาณเพื่อการทำวิจัยในชั้นเรียนอย่างเพียงพอ ควรมีพัฒนาบุคลากรเข้ารับอบรม สัมมนา ประชุมเชิงปฏิบัติการทาวิจัยในชั้นเรียน การศึกษาดูงานโรงเรียนที่ประสบความสาเร็จในการทำวิจัยในชั้นเรียน ควรมีการติดตาม ตรวจสอบประเมินผลอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ดูแลให้คำปรึกษา แนะนำเกี่ยวกับการทำวิจัยในชั้นเรียนให้กับครู แก้ไขปัญหาข้อบกพร่องในการทำวิจัยในชั้นเรียนเพื่อการพัฒนาปรับปรุงงานวิจัยในชั้นเรียนให้มีประสิทธิภาพสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กรมวิชาการ. (2545). วิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
ดุสิต จันทร์ผง. (2548). บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลำพูน เขต 1. (การค้นคว้าอิสระ ศึกษาศาตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. เชียงใหม่.
นภา ฟ้าเกียรติ์. (2548). แนวทางการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครูประถมศึกษา โรงเรียนเอกชน อำเภอเมืองเชียงใหม่. (การค้นคว้าแบบอิสระ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. เชียงใหม่.
พยุงศักดิ์ จันทร์สุรินทร์. (2541). การวิจัยในชั้นเรียน ทางเลือกใหม่ของการนิเทศการสอนเพื่อพัฒนาคุณภาพ, วารสารวิชาการ.1 (สิงหาคม 2541): 2 – 12.
โรงเรียนเทศบาล 1 (เวียงเชียงแสน). (2559). สรุปการนิเทศภายใน โรงเรียนเทศบาล 1 (เวียงเชียงแสน) ประจาปี 2559. โรงเรียนฯ.
ศักดิ์ดา อุปฌาใต้. (2544). การศึกษาสภาพการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอนในโรงเรียนประถมศึกษาเขตพัฒนาคุณภาพการศึกษาลุ่มน้ำพอง สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดขอนแก่น. (วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ขอนแก่น.
อรัญญา พลเจียง. (2554). บทบาทของผู้บริหารในการส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของโรงเรียนในอำเภอฝาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 3. (การค้นคว้าแบบอิสระ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. เชียงใหม่.