ถอดบทเรียนแม่สลองโมเดลเพื่อการพัฒนาการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมของโรงเรียนสันติคีรีวิทยาคม
คำสำคัญ:
ถอดบทเรียน, การบริหารจัดการ, แม่สลองโมเดล, ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน, ความหลากหลายทางวัฒนธรรมบทคัดย่อ
การศึกษาอิสระครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน 2) ศึกษาเหตุปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพของการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน 3) กำหนดภาพอนาคตของการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนสันติคีรีวิทยาคมซึ่งมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม 4) เสนอแนวทางการพัฒนาคุณภาพให้สูงขึ้นในการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนสันติคีรีวิทยาคมให้บรรลุตามภาพอนาคตที่พึงประสงค์ แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ข้อมูลปฐมภูมิ มาจาก ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างาน หัวหน้าระดับ ครู และนักเรียน ข้อมูลทุติยภูมิได้แก่ ศึกษาจากเอกสารข้อมูลของสถานศึกษาตั้งแต่ปีการศึกษา 2556 มาจนถึงปัจจุบัน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสัมภาษณ์ แบบบันทึกการวิเคราะห์เอกสาร แบบสอบถามความพึงพอใจ แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ การวิเคราะห์ความถี่ ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์เนื้อหา สังเคราะห์(Content Analysis) สรุปเป็นความเรียง ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดย ภาพรวมของคุณภาพของการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนมีคุณภาพอยู่ในระดับ พอใช้ ภาพรวมของผู้บริหารสถานศึกษา มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ครูและนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ระบบประกันคุณภาพการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน มีการจัดระบบการบริการ 5 ด้าน การวิจัยและพัฒนาเมื่อพิจารณา ไม่พบการทำวิจัยในเรื่องของงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของสถานศึกษาโดยตรงแต่พบในรูปแบบการวิจัยในทางปฏิบัติงานเกี่ยวกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน 2. เหตุปัจจัยสำคัญ ที่เป็นปัจจัยที่สนับสนุน ได้แก่ การทำงานเน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทางาน ส่งเสริมบุคลากรเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ อบรม เข้าร่วมโครงการที่เกี่ยวข้อง ส่วนเหตุปัจจัยที่ฉุดรั้ง ได้แก่ คนขาดแรงจูงใจ โยกย้ายบ่อย และมีไม่เพียงพอ ขาดความรู้ความเข้าใจในกระบวนการปฏิบัติงาน ขาดวัสดุ อุปกรณ์ในการดาเนินงาน วิธีการจัดการกับข้อมูลขาดความทันสมัย เงินมีไม่เพียงพอ และบางครั้งใช้ไม่ตรงตามแผน ขาดความเข้มงวดในการกากับติดตามและมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม หลายชาติพันธุ์ จึงเกิดปัญหาด้านการติดต่อสื่อสารกับเครือข่ายในชุมชน 3. ภาพอนาคตการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ปีการศึกษา 2560–2561 ประกอบด้วย ด้านคุณภาพ ด้านความพึงพอใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง ด้านกระบวนการภายใน ด้านการเรียนรู้และการเจริญเติบโต โดยการปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการภาครัฐ โดยการนำเอาแนวทางหรือวิธีการบริหารงานของภาคเอกชนมาปรับใช้กับการบริหารงาน ซึ่งได้ประยุกต์มาจากหลักทฤษฎี Balance Score Card : BSC 4. แนวทางการพัฒนาคุณภาพให้สูงขึ้นในการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนสันติคีรีวิทยาคมให้บรรลุตามภาพอนาคตที่พึงประสงค์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาบุคลากรและเครือข่ายสู่ความเข้มแข็งโดยยึดหลักการมีส่วนร่วม ยุทธศาสตร์ที่ 3 พัฒนาสถานศึกษาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ด้านระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนางานวิจัย สื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2542). พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
รัตนาพร พลลาภ. (2551). การพัฒนาการดำเนินงานตามระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ของโรงเรียนมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร. (วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิยาลัยมหาสารคาม. สืบค้นจากฐานข้อมูลงานวิจัย. (ThaiLis Digital Collection.)
โรงเรียนสันติคีรีวิทยาคม. (2558). รายงานประจำปีของสถานศึกษา ปีการศึกษา 2558. เชียงราย.
สมนึก นาห้วยทราย . (2546). การบริหารโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียน หางดงรัฐราษฎร์อุปถัมภ์. เชียงใหม่: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่เขต 4.
อรทัย มังคลาด. (2552). การดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 24 อาเภอจุน จังหวัดพะเยา. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
เอกวินิต พรหมรักษา. (2556). ทฤษฏีองค์การและการจัดการเชิงกลยุทธ์ชั้นสูง. สืบค้นเมื่อวันที่3 สิงหาคม 2559. จาก http://promrucsa-dba04.blogspot.com/2012/10/bsc.html.