แนวทางการบริหารชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของ โรงเรียนบ้านเวียงฝาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
คำสำคัญ:
ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ, การเรียนรู้ทางวิชาชีพ, การบริหารบทคัดย่อ
การศึกษาอิสระครั้งนี้เป็นการศึกษาแนวทางการบริหารชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของโรงเรียนบ้านเวียงฝาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารจัดการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพของโรงเรียนบ้านเวียงฝาง 2) เพื่อปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพของโรงเรียนบ้านเวียงฝาง 3) เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารจัดการชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพของโรงเรียนบ้านเวียงฝาง โดยประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหาร ครูและบุคลาการทางการศึกษา จำนวน 50 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบสอบถาม และแบบสนทนากลุ่ม สถิติที่ใช้ประกอบไปด้วยการวิเคราะห์ค่า PNI วิเคราะห์ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเนื้อหาสำคัญ นำเสนอในรูปแบบความเรียง ผลการศึกษาพบว่า
- สภาพปัจจุบันของการบริหารชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของโรงเรียนบ้านเวียงฝาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ตามหลักการบริหารแบบ PDCA พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (
= 3.91) เมื่อพิจารณารายด้านทั้ง 4 ด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ขั้นตอนการวางแผน (Plan) สภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของโรงเรียนบ้านเวียงฝาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ตามหลักการบริหารแบบ PDCA พบว่าโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้านอยู่ในระดับมากทั้ง 4 ด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ขั้นตอนการวางแผน (Plan) เมื่อพิจารณาค่าดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น (Priority Needs Index: PNI) ตามหลักการบริหารแบบ PDCA โดยรวมมีค่า PNI = 0.10 เมื่อพิจารณาแต่ละขั้นตอน พบว่า ขั้นตอนที่มีค่าดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็นสูงสุด คือ ขั้นตอนการวางแผน (Plan)
- ปัจจัยที่ส่งผลต่อการบริหารชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของของโรงเรียนบ้านเวียงฝาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จำแนกออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1) ปัจจัยที่สนับสนุน ได้แก่ ผู้บริหารเปิดโอกาสให้ครูได้แสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ มีการส่งเสริมการทำงานเป็นทีม มีความพร้อมด้านอาคารสถานที่ในการจัดกิจกรรม ครูมีการประชุมวางแผนงานก่อนการจัดกิจกรรมทุกครั้ง และผู้บริหารตรวจสอบเอกสารหลักฐานการจัดกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ 2) ปัจจัยที่ฉุดรั้ง ได้แก่ ครูบางส่วนขาดความรู้ความเข้าใจในการดำเนินกิจกรรม และไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณในการขับเคลื่อนกิจกรรม สถานศึกษามีภาระงานแทรกบ่อยครั้งส่งผลให้กิจกรรมดำเนินอย่างไม่ต่อเนื่อง และไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
- แนวทางการบริหารชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของโรงเรียนบ้านเวียงฝาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ การบริหารกิจกรรมชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่จะช่วยพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น และสอดคล้องกับภาพอนาคตที่พึงประสงค์ ครอบคลุมกระบวนการบริหารงานตามวงจรคุณภาพ PDCA พบว่า 1) ด้านการวางแผน (Plan) ผู้บริหารและครูมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการดำเนินงานชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของสถานศึกษา โดยร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์ เป้าหมาย ภารกิจของกิจกรรมในภาพรวมของสถานศึกษา 2) ด้านการปฏิบัติ (Do) ผู้บริหารและครูต้องปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ที่ร่วมกันกำหนด จัดทำคำสั่งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบโครงการ และคณะกรรมการที่คอยกำกับ ติดตาม การดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตามปฏิทินที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการของสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง 3) ด้านการตรวจสอบ (Check) ผู้บริหารควรมีการกำกับ ติดตาม และประเมินผล และพัฒนาโครงสร้างการทำงานแบบกัลยาณมิตรอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่การพัฒนาสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ในสถานศึกษา 4) ด้านการปรับปรุง (Act) ผู้บริหารและคณะครูร่วมกันสะท้อนผลการดำเนินงานและนำผลมาปรับปรุงเพื่อให้แผนการดำเนินงานชุมชนแห่งการเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และร่วมกันสรุปข้อมูลเป็นสารสนเทศของการดำเนินกิจกรรม และนำผลการตรวจสอบการดำเนินงานรวมทั้งผลการปฏิบัติงานว่าเป็นไปตามเป้าหมายและจุดประสงค์ที่กลุ่มได้ตั้งไว้หรือไม่เพื่อปรับปรุงหรือพัฒนาต่อไป
เอกสารอ้างอิง
ปองทิพย์ เทพอารีย์. (2557). การพัฒนารูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพสำหรับครูประถมศึกษา. วารสารศิลปากร ศึกษาศาสตร์วิจัย. 6(2): 284-296.
ปราณี ไชยภักดี, และรุ่งชัชดาพร เวหะชาติ. (2561). การเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพของสถานศึกษา ตามความคิดเห็นของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต 1. สงขลา: มหาวิทยาลัยทักษิณ.
วรลักษณ์ ชูกำเนิด และเอกรินทร์ สังข์ทอง. (2557). โรงเรียนแห่งชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพครูเพื่อการพัฒนาวิชาชีพครูที่เน้นผู้เรียนเป็นหัวใจสำคัญ. วารสารวิทยบริการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 25(1), 93-102.
วรลักษณ์ ชูกำเนิด, เอกรินทร์ สังข์ทอง, และชวลิต เกิดทิพย์. (2557). รูปแบบชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพครูสู่การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 บริบทโรงเรียนในประเทศไทย. Hatyai Journal. 12(2): 123-134
Boyd, V. (1992). School context. Bridge or barrier to change?. Austin, TX: Southwest Educational Development Laboratory.
Sergiovanni, T. (1994). Building community in schools. San Francisco, CA: Jossey Bass.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารครุศาสตร์วิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.