Senior Citizens’ Opinion on Declaration of Intention to Refuse Public Health Service at Patients’ Terminal Stage of Life in Lampang Province
Abstract
The objective of this survey research was to study the perspective of the elderly. Who sought join in Khokha, Lampang elderly associated. There were 110 elderly people, chosen by random sampling. Questionnaires were use in data collection.
The results of the study showed that most of the elderly were female between 60-69 years old, 41.8% had primary education or below, and 30% were agriculturists. the health status, their knowledge of declaration of intention to refuse public health service, and attitude of good death were at moderate levels. However, the social support of declaration of intention to refuse public health service was at needed to be improved. Most elderly intended in making a Living will to declarative intention to refuse public health service at their terminal stage in life. The life sustaining methods at a terminal stage, which the elderly mostly refused, were resuscitation by endo-tracheal breathing tube or cardiac resuscitation. The elderly intended to make a Living will want to be not burdensome to their relatives, and they like to reach the final stage peacefully when their time comes. The factors related to the opinion on declaration of intention to refuse public health service were education, occupation, knowledge, and attitude. The research suggested that there should be promotion and campaign to increase knowledge and understanding among the elderly and relatives about the declaration of intention to refuse public health service at terminal stage of life patients and the elderly’s rights with health promotion programs. This campaign could be done through the use of handbooks, pamphlets notice boards, and home visits or home call.
References
กรรณจริยา สุขรุ่ง. (2551). สุขสุดท้ายที่ปลายทางเผชิญความตายอย่างสงบ. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนสามลดา.
ดุสิต สถาวร. (2550). การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อักษรสัมพันธ์.
นาฎสิริ ราชฉวาง. (2555). การแสดงเจตนาไม่ประสงค์ที่จะยืดการตายของผู้ป่วยระยะสุดท้ายในทัศนะของผู้สูงอายุในกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (สาธารณสุข-ศาสตร์) สาขาวิชาเอกบริหารกฎหมายการแพทย์และสาธารณสุข, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัย มหิดล.
นิการีหม๊ะ นิจินิการิ. (2547). การตัดสินใจในระยะสุดท้ายของชีวิต: มุมมองของผู้ป่วยไทยมุสลิมใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้. วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการ พยาบาลผู้ใหญ่, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
พระไพศาล วิสาโล. (2551). ชีวิตและความตายในมิติวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค.
ไพศาล ลิ้มสถิตย์. (2552). ก่อนวันผลัดใบหนังสือแสดงเจตนาการจากไปในวาระสุดท้าย. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: เอมี่ เอ็นเตอร์ไพรส์.
ราชกิจานุเบกษา พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550. ( พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ: สหพัฒนไพศาล.
ราชกิจจานุเบกษา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550. กรุงเทพฯ: พิมพ์อักษร.
วันวิสาข์ เส็งประเสริฐ. (2546). สิทธิที่จะเลือกและกำหนดของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (สาธารณสุขศาสตร์) สาขาวิชาเอกบริหารกฎหมายการ แพทย์และสาธารณสุข, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล.
วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์. (2546). ตายอย่างมีศักดิ์ศรี มาตรา 24 ร่าง พ.ร.บ. สุขภาพแห่งชาติ. กรุงเทพฯ: พิมพ์ดี.
วิไลวรรณ ชัยรัตนมโนกร. (2540). แนวคิดด้านกฎหมายและการยอมรับของนักกฎหมายต่อการทำให้ผู้ป่วยที่สิ้นหวังตายอย่างสงบ. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต(สาธารณสุขศาสตร์) สาขาวิชาเอกบริหารกฎหมายการแพทย์และการสาธารณสุข, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย มหิดล.
ศิวพร ดีบ้านคลอง. (2551). แนวทางการตรากฎกระทรวงการแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ในความคิดเห็นของผู้ป่วย ญาติและแพทย์. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (สาธารณสุขศาสตร์) สาขาวิชาเอกบริหารกฎหมายการแพทย์และสาธารณสุข, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล.
สารภี รังษีโกศัย. (2554). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการเตรียมตัวเพื่อเผชิญกับภาวะใกล้ตายและความตายของผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุ จังหวัดปัตตานี. วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาล ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลผู้สูงอายุ, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา.
แสวง บุญเฉลิมวิภาส. (2550). การรักษาพยาบาลผู้ป่วยวาระสุดท้ายความจริงทางการแพทย์กับขอบเขตทางกฏหมาย. ใน ความตายกับการตายมุมมองศาสนากับวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สันต์ หัตถีรัตน์. (2544). สิทธิที่จะอยู่หรือตายและการดูแลผู้ปป่วยที่หมดหวัง. (พิมพ์ครั้งที่ 3).กรุงเทพฯ: อุษาการพิมพ์.
โสรัจจ์ หงศ์ลดารมณ์. (2549). ความตายกับการตายมุมมองจากศาสนากับวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Carmel. S. & Mutran, E. (1997). Preferences for different life-sustaining treatment among elderly persons in Israel. Journal of Gerontology: Social Sciences.
Corr, C. A., Nabe, C. M., & Corr, D. M. (2000). Death & dying, Life & living (3 rd). California: Brooks Cole Publishing.
Maria J. Silveira, Wyndy Wiitala, John Piette. (2014). Advance Directive Completion by Elderly Americans: A Decade of Change. Journal of the American Geriatrics Society. United States of America.
Rebekah Schiff. (2006). Living wills and the Mental Capacity Act: a postal questionnaire survey of UK geriatricians. Age and Ageing 2006, 35(1): 116-121. Oxford University Press on behalf of the British Geriatrics Society.
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ. (2552). หนังสือแสดงเจตนาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในวาระสุดท้ายของชีวิต, 24 มีนาคม 2559. เข้าถึงจาก[Online], available from http://www.thailivingwill.in.th
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
- เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารกฎหมายและนโยบายสาธารณสุข ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
- บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารกฎหมายและนโยบายสาธารณสุข ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องอ้างอิงเสมอ