การพัฒนาทักษะการสืบค้นข้อมูลของนักศึกษา โดยใช้วิธีการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาทักษะการสืบค้นข้อมูล 2) พัฒนาวิธีการจัดการเรียนรู้เชิงรุก และ 3) ศึกษาผลการประเมินทักษะการสืบค้นข้อมูลของนักศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ที่ลงทะเบียนในรายวิชา อุดมการณ์และจิตวิญญาณความเป็นครู ในภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โดยเป็นกลุ่มทดลอง 20 คน และกลุ่มควบคุม 20 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก 2) แบบประเมินทักษะการสืบค้นข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า 1) ทักษะการสืบค้นข้อมูล ประกอบด้วย ประกอบด้วย 5 ทักษะ ได้แก่ การวางแผนการค้นคว้าแหล่งข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ การเก็บรวบรวมข้อมูล การจัดกระทำข้อมูล การนำเสนอ/การสื่อความหมายข้อมูล และการสรุปผลข้อมูล 2) วิธีการจัดการเรียนรู้เชิงรุก โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ในรายวิชา อุดมการณ์และจิตวิญญาณความเป็นครู แบ่งออกเป็น 10 แผน โดยผลการประเมินความเหมาะสมในแต่ละด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด โดยเรียงตามลำดับความเหมาะสม คือ สื่อช่วยสอน ( = 4.62,SD = 0.25) เนื้อหา (
= 4.56, SD = 0.31) ภาพประกอบ (
= 4.54, SD = 0.25) แผนปฏิบัติการสอน (
= 4.50, SD = 0.26) และภาษา (
= 4.41, SD = 0.26) และ 3) ผลการประเมินทักษะการสืบค้นข้อมูลของนักศึกษา พบว่า หลังการจัดการเรียนรู้เชิงรุก นักศึกษากลุ่มทดลองมีทักษะการสืบค้นข้อมูลสูงกว่า ก่อนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก และหลังการจัดการเรียนรู้เชิงรุก นักศึกษากลุ่มทดลองมีทักษะการสืบค้นข้อมูลสูงกว่า กลุ่มควบคุม
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
ขวัญใจ จริยาทัศน์กร. (2563). พัฒนาทักษะการสืบค้นข้อมูลของนักศึกษาสาขาการศึกษาปฐมวัยโดยบูรณาการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงและการใช้วิจัยเป็นฐาน (รายงานวิจัย). มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์การศึกษานอกที่ตั้งนครนายก.
จุฬามาศ จันทร์ศรีสุคต และคณะ. (2557). กระบวนการพัฒนาทักษะการสืบค้นอย่างมีวิจารณญาณของนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. รมยสาร, 12(1), 27-41.
ณฐพล อยู่เป็นสุข. (2561). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (ฝ่ายประถม) เรื่อง ระบบอวัยวะในร่างกาย โดยใช้วิธีการสอนรูปแบบการเรียนเชิงรุก (Active learning) (รายงานวิจัย). มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
ทศพร ดิษฐ์ศิริ. (2563). การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานด้วยวิธีการเรียนรู้เชิงรุก เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของนักศึกษาวิชาชีพครู. วารสารชุมชนวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา, 15(2), 197-209.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
ปรียานุช พรหมภาสิต. (2559). คู่มือการจัดการเรียนรู้ “Active learning (AL) for Hu So at KPRU”.กำแพงเพชร: คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยภัฏกําแพงเพชร.
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) (2565, 1 พฤศจิกายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 139 (ตอนพิเศษ 258), หน้า 3-4.
พีรพงศ์ บุญฤกษ์, กรรณิกา เงินบุตรโคตร และนุสรา มูหะหมัด. (2566). รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะการสื่อสารของครูวิทยาศาสตร์ด้วยการฝึกอบรมจากการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ความเป็นจริงเสริม รายวิชาเคมี เรื่องหมู่ฟังก์ชันของสารอินทรีย์ด้วยโปรแกรมยูนิตีทรีดีร่วมกับโปรแกรมวูโฟเรีย. Journal of Roi Kaensarn Academic, 9(1), 359-374.
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. (2561). ทักษะแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง. สืบค้นเมื่อ 15 กันยายน 2566, จาก https://ops.moe.go.th/ทักษะแสวงหาความรู้ด้วย/
หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2562). แนวทางการนิเทศเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก. สืบค้นเมื่อ 30 กันยายน 2566, จาก http://academic.obec.go.th/ images/document/ 1603180137_d_1.pdf
EDUCA Secretariat Office. (2020). Research and Information Retrieval skills, Essential skills for students in online learning. Retrieved September 15, 2023, from https://www.educathai.com/knowledge/articles/365
