ขบวนการต่อสู้ทางการเมืองของนักเรียนมัธยมศึกษา พ.ศ. 2563-2564
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาโครงสร้างและวิธีการจัดกิจกรรม รูปแบบ ยุทธวิธีของการดำเนินกิจกรรมการต่อสู้ทางการเมือง 2) ศึกษาเงื่อนไขของการเกิดขบวนการทางสังคมในการเคลื่อนไหวทางการเมือง และ 3) ศึกษาวิธีการส่งต่อและการส่งผ่านแนวคิดในการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยศึกษาในกลุ่มของนักเรียนมัธยมศึกษาในช่วงปี พ.ศ. 2563-2564 ใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 15 คน การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นการเชื่อมโยงและการตีความ ผลการศึกษาพบว่า 1) โครงสร้างและวิธีการ
จัดกิจกรรม รูปแบบ ยุทธวิธีของการดำเนินกิจกรรมการต่อสู้ทางการเมืองนั้น ใช้การสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือ ได้แก่ (1) โครงสร้างรูปแบบกิจกรรมเน้นการสร้างสรรค์ (2) ยุทธวิธีใช้รูปแบบดาวกระจายทั่วประเทศกับกลุ่มภาคีเครือข่าย (3) มีการทำงานที่เน้นความคิดของแกนนำแบบปัจเจก (4) ใช้โซเชียลมีเดียในการระดมทรัพยากร (5) ใช้บริบทการเมืองเป็นการจุดประเด็น (6) จัดกิจกรรมผ่านการส่งต่อแนวคิดและกลุ่มเครือข่าย 2) เงื่อนไขและบริบท ได้แก่ (1) ด้านการเมืองในช่วงรัฐประหารและหลังรัฐประหาร (2) ด้านเศรษฐกิจหลังการบริหารของ คสช. และการระบาดของโควิด-19 (3) ด้านปัญหาการศึกษาที่สะท้อนวัฒนธรรมอำนาจนิยมในโรงเรียน 3) การส่งผ่านแนวคิดอุดมการณ์ (1) ใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหว (2) การปฏิเสธองค์ความรู้ที่รัฐพยายามมอบให้ (3) นักเรียนมีความสนใจประวัติศาสตร์การเมืองในอดีตมากขึ้น (4) มีข้อเรียกร้องเรื่องการปกป้องสิทธิเสรีภาพนักเรียน (5) การสร้างขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมรูปแบบใหม่ และ (6) จุดเริ่มต้นของปัญหา คือ อำนาจนิยมที่ครูละเมิดสิทธิเด็กในโรงเรียน
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในวารสาร ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
เอกสารอ้างอิง
Charoensin-o-larn, C. (2001). New Social Movements. Wipasa.
Charoensin-o-larn, C. (2011). Introduction to the Concept of Post-popular Structures. Sommadhi.
Cheypratap, S. (2008). Communication, Politics and Democracy in a Developed Society. Chulalongkorn University Press.
Constitution of The Kingdom of Thailand. (2017). The Government Gazette, 134(40a), pp. 1-90.
Dhiravegin, L. (1973). Political Attitudes of the Bureaucratic Elite and Modernization in Thailand. Thai Wattana Panich.
Frank, A.G., & Fuentes, M. (1990). Social Movements. In New Directions in the Study of Justice, Law, and Social Control. Critical Issues in Social Justice. Springer.
iLaw. (2021). Open the Research on the Rally at Din Daeng Intersection Life has been Changed Because of the State's Failure. Confrontation is the Final Solution. https://ilaw.or.th/node/5997
Lertchoosakul, K. (2021). The Cold War (in) Between the White Bow. Matichonbook.
MGR Online. (2014). “Ying O" Don't Touch My Woman!!. https://mgronline.com/specialscoop/detail/9570000025164
Office of the National Economic and Social Development Board, National Strategy Secretariat Office. (2018). The National Strategy 2018-2037. http://nscr.nesdc.go.th/ns/
Pintobtang, P. (2009). Political Framework Analysis of the Theory of Social Movement. Heinrich Boll.
Pothitaen, W. (1991). Concepts and Ideal Democratic Models. Thammasat University.
Singkaneti, B. (2012). Fundamental Rights and Human Dignity under the Constitution. Winyuchon.
Stephen, P. (1998). Bridging the Gap between Class and New Social Movement Theory and Class. Rethinking Marxism, 10(4), 79–104.
Sukhothai Thammathirat Open University. (2014). Political Communication. Sukhothai Thammathirat Open University.
Wasinpiyamongkhon, N. (2015). Book Review: Democracy in Retreat: The Revolt of the Middle Class and the Worldwide Decline of Representative Government by Joshua Kurlantzick. Local Administration Journal, 9(1), 144-148.
