ความคิดเห็นและความพึงพอใจที่มีต่อการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภค ของสภาองค์กรของผู้บริโภคในพื้นที่ภาคตะวันออก

Main Article Content

สุธิดา ชิโนดม
กมลชนก เศรษฐบุตร

บทคัดย่อ

          การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจและรับฟังความคิดเห็น ความพึงพอใจและข้อเสนอแนะต่อการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภค กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บริโภคจำนวน 315 คน และสมาชิกสภาองค์กรของผู้บริโภคจำนวน 21 คน ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก ผู้วิจัยใช้วิธีการดำเนินการวิจัยทั้งการวิจัยเชิงปริมาณโดยการสำรวจ (Survey) กับกลุ่มตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่ม และการวิจัยเชิงคุณภาพโดยการสนทนากลุ่ม (Focus Group) กับกลุ่มตัวอย่างกลุ่มที่ 2 แบบสอบถามประกอบไปด้วยคำถามเรื่องลักษณะทางประชากรศาสตร์ พฤติกรรมและประสบการณ์เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ความพึงพอใจและความต้องการ/ความคาดหวังต่อการดำเนินงานคุ้มครองผู้บริโภค


           ผลการวิจัยเชิงปริมาณพบว่ากว่าร้อยละ 90 ของกลุ่มประชาชนทั่วไป ไม่รู้จักหรือไม่เคยใช้บริการของสภาฯ ทำให้การมีส่วนร่วมยังคงอยู่ในระดับการรับรู้มากกว่าการมีส่วนร่วมเชิงลึก ความพึงพอใจต่อสื่ออยู่ในระดับสูง (ค่าเฉลี่ย = 4.03) และมีความคาดหวังต่อบทบาทการคุ้มครองผู้บริโภคสูงมาก (ค่าเฉลี่ย = 4.43) แต่ยังขาดกลไกเชื่อมโยงเข้าสู่การปฏิบัติ ผลการสำรวจกลุ่มสมาชิกพบว่า มีการมีส่วนร่วมกับสภาฯ สูงในทุกด้าน ทั้งการเสนอแนะเชิงนโยบาย การคุ้มครองสิทธิ และการสนับสนุนเครือข่าย มีความตระหนักรู้และเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน แต่ยังพบปัญหาความพึงพอใจที่อยู่ในระดับปานกลางสำหรับหน่วยงานเขตพื้นที่และจังหวัด (ค่าเฉลี่ย = 3.41) แสดงถึงข้อจำกัดด้านการทำงานในระดับท้องถิ่น ในขณะที่ผลการวิจัยเชิงคุณภาพพบว่าสมาชิกมีข้อเสนอให้สภาฯ ควรมีการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้และการมีตัวตนให้กับสมาชิก ควรอบรมให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ควรมีการวิเคราะห์และสรุปผลข้อมูลจากสมาชิกในภูมิภาคต่าง ๆ และจัดประชุมเพื่อคืนข้อมูลให้กับสมาชิกในพื้นที่ ควรลดขั้นตอนการดำเนินงานในแต่ละเรื่องและพัฒนาระบบการทำงานให้รวดเร็วขึ้น และควรสนับสนุนงบประมาณให้กับสมาชิกอย่างเพียงพอตามแผนงานที่สอดคล้องกับการทำงานในพื้นที่

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงการต่างประเทศ. (2025) Thailand’s Voluntary National Review on the Implementation of the 2030 Agenda for Sustainable Development. [online]. เข้าถึงได้จาก: chrome-extension://efaidnbmnnnibpcajpcglclefindmkaj/https://image.mfa.go.th/mfa/0/OznAy3tii2/E-booking/VNR_ 2025_(ENG).pdf.

กฤษฎา แสงเจริญทรัพย์. (2568). แนวทางพัฒนาการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญาในทุกด้าน. วารสาร

คุณภาพชีวิตกับกฎหมาย. 21(1): 1-17.

คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ. (2566). รายงานผลการปฏิบัติงานกสทช. ประจำปี 2566. [online]. เข้าถึงได้จาก: https://www.nbtc.go.th/Information/AnnualReport/65888.aspx.

ปวรนันท์ ธัมมัญญุตา. (2566). การสื่อสารเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคจากการซื้อสินค้า และบริการทางสื่อออนไลน์. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

พิมชนก อรุโณประโยชน์. (2566). กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคในบริบทของการบริโภคที่ยั่งยืน: ศึกษากรณีการฟอกเขียวด้วยการโฆษณา. วิทยานิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

มูลนิธิพะเยาเพื่อการพัฒนา. (2565). (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์งานคุ้มครองผู้บริโภคภาคเหนือ พ.ศ.2565 [online]. เข้าถึงได้จาก: https://www.phayaocivil.org/wp-content/uploads/2022/03/ร่าง-แผนยุทธศาสตร์ฯ-2565-–-2569-27.12.64.docx.pdf.

ลภัสรดา น้อยเอี่ยม และวรกฤต เถื่อนช้าง. (2565). การจัดการความรู้และองค์การแห่งการเรียนรู้ในยุคโลกาภิวัตน์. วารสารบัณฑิตศึกษาปริทรรศน์ วิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์. 10(1): 97-108.

สภาองค์กรของผู้บริโภค. (2568). เกี่ยวกับสภาผู้บริโภค. [online]. เข้าถึงได้จาก: https://www.tcc.or.th/aboutus/

สุวิมล ว่องวาณิช. (2550). การวิจัยประเมินความต้องการจำเป็น. กรุงเทพมหานคร: สานักพิมพ์. แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค. (2567). รายงานผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และการ

ดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567. [online]. เข้าถึงได้จาก: https://www.ocpb.go.th/download/article /article_20240112152726.pdf.

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี. (2565). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566—2570). ราชกิจจานุเบกษา. [online]. เข้าถึงได้จาก: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2565/E/258/T_0001.PDF.

Best, John. (1977). Research in Education. New Jersey: Prentice Hall, Inc.

Brown, C. (2018). Why and how to employ the SIPOC model. Journal of Business Continuity & Emergency Planning. 12(3): 198-220.

Creswell, J. W., & Plano Clark, V. L. (2018). Designing and Conducting Mixed Methods Research (3rd ed.). Thousand Oaks, CA SAGE.

Felani, H., Santosa, W. & Idris, P. (2024). The Role of Knowledge Management in Increasing Organizational Flexibility To Face the Changes Brought by the Industrial Revolution 4.0. Eduvest - Journal of Universal Studies. 4: 7941-7948.

Klein, L. L., Vieira, K. M., Feltrin, T. S., Pissutti, M., & Ercolani, L. D. (2022). The Influence of Lean Management Practices on Process Effectiveness: A Quantitative Study in a Public Institution. SAGE Open. [online]. Available:https://doi.org/10.1177/21582440221088837.

Lipsky, M. (1980). Street-level bureaucracy. New York: Russell Sage Foundation.

Martin, J., Ellström, P.-E., Wallo, A. and Elg, M. (2025), Bridging the policy-practice gap: a dual challenge of organizational learning, The Learning Organization, 32(7): 18-34.

Obodozie, N. & Nwabufo, I. (2025). Promoting collaboration in the modern workplace: A path to productivity and resilience. World Journal of Advanced Research and Reviews. 25: 524-533.

Saadi, J., Rao, M. & Bhat, S. (2022). Web Portal: An E-Content Knowledge Management Tool. Pearl A Journal of Library and Information Science. 10: 224-233.

Suvvari, S. & Saxena, DR. (2023). Stakeholder Management in Projects: Strategies for Effective Communication. Innovative Research Thoughts. 9: 188-201.

Sylvanus D. N. (2024). Evaluation of the Effect of Tracking System Quality on Customer Satisfaction: Evidence from Logistics Companies in Cameroon. Data Journal of Information Systems and Management. 2: 72-89.