แนวทางการส่งเสริมการจัดการการท่องเที่ยวชุมชนอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพชุมชนในการจัดการการท่องเที่ยว และส่งเสริมการจัดการ
การท่องเที่ยวชุมชน อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพชุมชนในการจัดการการท่องเที่ยว และส่งเสริมการจัดการการท่องเที่ยวชุมชน อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี การวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methods Research) กลุ่มตัวอย่าง คือ นักท่องเที่ยวคนไทย จำนวน 400 คน เก็บข้อมูลด้วยวิธีการโควตา (Quota Sampling) ตามสัดส่วนตามพื้นที่ประกอบด้วย 6 ตำบล (ตำบลหนองแก ตำบลอุทัยใหม่ ตำบลสะแกกรัง ตำบลดอนขวาง ตำบลท่าซุง ตำบลน้ำซึม โดยมีการกำหนดสัดส่วนของกลุ่มตัวอย่าง ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ แกนนำชุมชน วิสาหกิจชุมชน และบุคลากรภาคีเครือข่าย รวมจำนวน 18 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์เชิงลึก
ผลการวิจัยพบว่า นักท่องเที่ยวมีความคิดเห็นว่า 1) ศักยภาพการจัดการท่องเที่ยวของชุมชนอำเภอเมืองอุทัยธานีอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเฉพาะด้านทรัพยากรการท่องเที่ยวและสิ่งดึงดูดใจ เช่น วัดท่าซุงและแม่น้ำสะแกกรัง ขณะที่ด้านกิจกรรมและประสบการณ์ยังพัฒนาได้อีก บุคคลในชุมชนมีบทบาทสำคัญ ทั้งพระสงฆ์ ผู้นำท้องถิ่น ปราชญ์ และเยาวชน ซึ่งช่วยสร้างกิจกรรมและบรรยากาศที่น่าประทับใจ ส่วนสิ่งของ เช่น ตลาดรู้ใจ-ถนนคนเดิน บ้านสวนลูกแชมป์-ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ และโฮมสเตย์ที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่นได้อย่างมีคุณค่าและเข้าถึงง่าย 2) การส่งเสริมการจัดการการท่องเที่ยวชุมชน ผลการวิเคราะห์ SWOT และ TOWS Matrix แสดงให้เห็นว่าอำเภอเมืองอุทัยธานีมีจุดแข็งด้านทรัพยากรท่องเที่ยว วัฒนธรรม และบุคลากรในชุมชน ขณะที่จุดอ่อน คือ โครงสร้างพื้นฐานและกิจกรรมที่ยังจำกัด แนวทางส่งเสริมการจัดการท่องเที่ยวควรเน้นการออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวระยะสั้นเชื่อมโยงวัดท่าซุงกับวิสาหกิจชุมชน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสื่อประชาสัมพันธ์หลายภาษา ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นจัดกิจกรรมสร้างประสบการณ์ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมผ่านแผนปฏิบัติการชุมชน พร้อมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
นัขนลิน อินทนุพัฒน์, ธัญญารัตน์เจนขนบ, และ ชนิสรา เพชรพิเศษศักดิ์. (2565). การศึกษาศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชน กรณีศึกษาหมู่บ้านกระทม จังหวัดสุรินทร์.วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. 11 (กรกฎาคม – ธันวาคม): 1-16.
นุชประวีณ์ ลิขิตศรัณย์, เขวิกา สุขเอี่ยม และสุวิมล จันโททัย. (2564). แนวทางการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืน กรณีศึกษา ชุมชนปลักไม้ลาย อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม. วารสารศิลปศาสตร์และอุตสาหกรรมบริการ. 4 (กรกฎาคม -ธันวาคม): 1-12.
สำนักงานจังหวัดอุทัยธานี. (2566). ยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. 2566–2570. สำนักงานจังหวัดอุทัยธานี.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2565). ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.
อัญยานีย์ เกตุพันธุ์, ศศิวิมล ภู่พวง และ สุทธดา ขัตติยะ. (2566). ปัจจัยการจัดการท่องเที่ยวเชิงบูรณาการภายใต้แนวคิดโมเดลเศรษฐกิจบีซีจีส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวตามแบบวิถีชุมชนในจังหวัดเชียงราย. วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์. 13 (กันยายน-ธันวาคม), 27–39.
Cochran, W. G. (1953). Sampling techniques. John Wiley & Sons.
Dangi, T. B., & Jamal, T. (2016). An integrated approach to “sustainable community-based tourism”. Sustainability. 8 (May), 475.
Goodwin, H., & Santilli, R. (2009). Community-based tourism: a success?.
Pine, B. J., & Gilmore, J. H. (2021). The Experience Economy: Competing for customer time, attention, and money. Harvard Business Review Press, Boston.
Richards, G. (2018). Cultural tourism: A review of recent research and trends. Journal of Hospitality and Tourism Management. 36 (September), 12-21.
UNWTO. (2021). Community-based tourism for sustainable development: Guidelines and best practices. World Tourism Organization.