ศึกษาการรักษาโรคในบริบทของอิสลาม กรณีศึกษาการใช้กัญชารักษาโรคและผลกระทบของชาวไทยมุสลิม

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัญหาการรักษาโรคในบริบทของอิสลาม กรณีศึกษาการใช้กัญชารักษาโรคและผลกระทบของชาวไทยมุสลิม เพื่อวิเคราะห์และเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการรักษาโรคในบริบทของอิสลาม กรณีศึกษาการใช้กัญชารักษาโรคและผลกระทบของชาวไทยมุสลิม  โดยใช้วิธีวิทยาการวิจัย 2 แนวทาง คือ 1) ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง และ 2) การเก็บข้อมูลภาคสนาม ผู้วิจัยได้ทำการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และบทบัญญัติของศาสนาอิสลามในการใช้กัญชาทางการแพทย์ ในภาคสนามลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลด้านการใช้กัญชาทางการแพทย์ จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ ผลการวิจัย พบว่า การใช้กัญชาทางการแพทย์จึงเป็นเหตุผลที่ต้องตีความตามหลักกฎหมายอิสลาม เพื่อให้มุสลิมใช้ในการรักษาได้อย่างถูกต้องตามศาสนา ซึ่งมีความจำเป็นต้องมีความรู้ที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด ด้านสาธารณสุขและการแพทย์กัญชาถูกนำมาใช้รักษาโรคมากขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะโรคพาร์กินสัน โรคมะเร็ง โรคลมชัก ปวดเรื้อรัง เบื่ออาหารจากเคมีบำบัด และจำเป็นต้องศึกษาผลกระทบจริงต่อผู้ป่วยมุสลิม ทั้งด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และจริยธรรมการรักษา รวมทั้งลดความเสี่ยงความเข้าใจผิดต่อการใช้กัญชารักษาที่อาจนำไปสู่การใช้ผิดวิธีหรือใช้เพื่อความบันเทิง กฎหมายกระทรวงสาธารณสุข ประกาศผลทางกฎหมายจากการที่พืชกัญชาไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และสำนักจุฬาราชมนตรีมีคำวินิจฉัย (ฟัตวา) การใช้กัญชาเพื่อการรักษา แม้กัญชาจะเป็นสิ่งเสพติดให้โทษ และเป็นสิ่งต้องห้าม (ฮารอม) แต่บัญญัติแห่งอิสลามก็มีข้อยกเว้นสําหรับการนํามาใช้ในทางการแพทย์หากมีความจําเป็น และใช้ในปริมาณที่สอดคล้องกับความจําเป็นเท่านั้น ต้องใช้ในปริมาณที่สารสกัด THC และ CBD ที่ไม่เกิน 0.2% เท่านั้น การใช้กัญชาให้มีประสิทธิภาพและได้รับการยืนยันคือใช้รักษาโรงลมชักและโรคมะเร็ง คือ ช่วยบรรเทาอาการปวด อาการคลื่นไส้อาเจียนจากการใช้เคมีบำบัดและเพื่อความอยากอาหาร จำเป็นต้องผ่านการวินิจฉัยจากแพทย์ที่ผ่านการอบรมการใช้กัญชารักษาโรคจากกระทรวงสาธารณสุข โดยใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย กรณีที่รักษาด้วยยาแผนปัจจุบันแล้วไม่ได้ผล และผู้ป่วยในระยะสุดท้ายที่ไม่มีเงินในการรักษาด้วยยาแพง ๆ แต่ต้องการใช้กัญชาในการรักษา เพื่อบรรเทาอาการปวด ต่อสู้กับโรคร้าย หรือเป็นผู้ยากจนไม่มียารักษา ซึ่งผลการวิจัยสามารถเป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งเผยแพร่เป็นความรู้ให้กับคนในชุมชนและสังคมมุสลิมได้ใช้เป็นแนวทางในการนำกัญชามารักษาโรค