จริยธรรมการตีพิมพ์
วารสารให้ความสำคัญต่อการรักษามาตรฐานด้านจริยธรรมในการเผยแพร่บทความ ดังนั้นจึงกำหนดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามหลักการและมาตรฐานด้านจริยธรรมอย่างเคร่งครัด ดังนี้
บทบาทหน้าที่ของบรรณาธิการและกองบรรณาธิการ
1. พิจารณาบทความที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และขอบเขตของวารสาร
2. ปกปิดรายชื่อทั้งผู้ประเมินและผู้แต่งบทความในช่วงระยะเวลาของการประเมินบทความ
3. คัดเลือกบทความที่ผ่านกระบวนการประเมินบทความแล้วมาเผยแพร่ในวารสาร โดยยึดหลักความถูกต้องตามนโยบายของวารสาร
4. ต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้แต่งและผู้ประเมิน ไม่ว่าจะเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจหรือทางวิชาการ
5. จัดให้มีระบบการตรวจสอบการคัดลอกบทความก่อนการเผยแพร่ โดยใช้ระบบตรวจสอบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ (CopyCatch) โดยจะต้องมีระดับความซ้ำซ้อนไม่เกินร้อยละ 20 หากตรวจสอบพบว่ามีความซ้ำซ้อนเกินร้อยละ 20 ต้องติดต่อผู้แต่งให้ชี้แจงเพื่อการพิจารณาตอบรับหรือปฏิเสธการเผยแพร่ต่อไป
6. ต้องไม่ปฏิเสธการเผยแพร่บทความ เพราะความสงสัยหรือไม่แน่ใจ ต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ข้อสงสัยนั้น ๆ ก่อน
7. ต้องตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของบทความอย่างเคร่งครัดก่อนการเผยแพร่ และจะต้องไม่แก้ไขข้อความในบทความอันทำให้บทความสูญเสียนัยสำคัญของบทความนั้น ๆ
บทบาทหน้าที่ของผู้แต่งบทความ
1. ผู้แต่งต้องรับรองว่าเนื้อหาและการอ้างอิงทั้งหมดของบทความ ดำเนินการถูกต้องตามนโยบายของวารสารและไม่มีการคัดลอกผลงานทางวิชาการใดๆ
2. ผู้แต่งต้องรับรองว่าบทความไม่ได้เผยแพร่หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเผยแพร่ในวารสารอื่น
3. ผู้แต่งควรลำดับรายชื่อผู้ดำเนินการวิจัย ผู้แต่งบทความ อย่างเป็นลำดับให้ถูกต้องตามความเป็นจริง
4. ผู้แต่งต้องเขียนบทความให้ถูกต้องตามแบบฟอร์มการเขียนบทความตามคำแนะนำของกองบรรณาธิการ
5. ต้องแก้ไขบทความตามคำแนะนำของกองบรรณาธิการและผู้ประเมินบทความอย่างเคร่งครัด หากไม่ดำเนินการแก้ไขตามคำแนะนำภายในระยะเวลาที่กำหนด ทางวารสารจะขอปฏิเสธการเผยแพร่บทความ
6. บทความวิจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินการวิจัยในมนุษย์ จะต้องแนบหนังสือรับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ประกอบด้วยทุกครั้ง ในกรณีที่ไม่มีหนังสือรับรองฯ ให้ผู้แต่งทำหนังสือชี้แจงเพื่อให้ทางวารสารพิจารณาต่อไป
บทบาทหน้าที่ของผู้ประเมิน
1. ต้องไม่มีส่วนได้ ส่วนเสีย กับผู้แต่งบทความ พิจารณาบทความบนหลักการและเหตุผลทางวิชาการ โดยปราศจากอคติหรือความขัดแย้งส่วนตัว
2. ต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์จากบทความที่ตนเองได้ทำการประเมิน
3. ต้องตระหนักว่าตนเองเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ความสามารถในเนื้อหาของบทความที่รับประเมินอย่างแท้จริง
4. ต้องรักษาระยะเวลาประเมินตามกรอบเวลาประเมินที่วารสารกำหนดอย่างเคร่งครัด
5. ต้องไม่นำเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งที่ตนเองประเมินมาเป็นผลงานของตนเอง โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของบทความหรือจากวารสารก่อน
6. ผู้ประเมินต้องประเมินบทความโดยยึดหลักความถูกต้องทางวิชาการ และพิจารณาให้ความเห็นทางวิชาการเพื่อให้บทความมีความสมบูรณ์มากที่สุด