ผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ในสื่อสังคมเครือข่าย และผลของการบังคับใช้กฎหมายผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่
คำสำคัญ:
ยาสูบอิเลกทรอนิกส์/การบังคับใช้กฎหมาย/สื่อสังคมเครือข่ายบทคัดย่อ
โครงการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาสถานการณ์ของผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ในสื่อสังคมเครือข่าย (social media) ใน 7 ด้าน ประเมินผลการบังคับใช้กฎหมาย 4 ฉบับที่ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ รวมทั้งศึกษาพฤติกรรมการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบอิเลกทรอนิกส์ในกลุ่มวัยเรียนระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา การศึกษานี้ใช้วิธีการศึกษาแบบผสมผสาน ศึกษา 22 พื้นที่แหล่งขายในเขตกทม.และในส่วนภูมิภาค สำรวจการให้บริการบารากู่ในร้านเหล้า 22 แห่งรอบสถานศึกษา ศึกษา ติดตามแฟนเพจ (Fanpage) ที่ขายผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ 30 แฟนเพจ และเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างวัยเรียนทั้งหมด 2,100 ราย โดยใช้แบบสอบถามและการสัมภาษณ์กลุ่ม
ผลการศึกษาในด้านผลิตภัณฑ์ พบว่า บุหรี่อิเลกทรอนิกส์ เป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ได้รับความนิยมสูงสุด ปัจจัยส่งเสริม คือ ราคาลดลงร้อยละ 30 มีจำหน่ายในแหล่งขายทั้งออนไลน์และแหล่งขายกายภาพ โดยพบแหล่งขายกายภาพในกรุงเทพมหานครทั้งหมด 15 แหล่ง ส่วนแหล่งขายในออนไลน์นั้น พบในสื่อเฟซบุคมากกว่าสื่ออื่น ในด้านกลวิธีการส่งเสริมการขายในสื่อสังคมเครือข่าย (social media) นั้น พบทั้งหมด 14 วิธี ผลการศึกษาในด้านพฤติกรรมการบริโภค พบว่า นักเรียนมัธยมปลายร้อยละ 30.2 สูบบุหรี่อิเลกทรอนิกส์ ส่วนกลุ่มตัวอย่างวัยอุดมศึกษาร้อยละ 43.8 สูบบุหรี่อิเลกทรอนิกส์ ปัจจัยส่งเสริมการสูบ คือ ความเชื่อผิด และหาซื้อได้ง่าย ในด้านการติดตามการบังคับใช้กฎหมาย พบว่า พรบ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ปี2560 และประกาศกระทรวงพาณิชย์ บังคับใช้เป็นผลสำเร็จในพื้นที่ภูมิภาคทุกแหล่งที่สำรวจ แต่ไม่ได้ผลในแหล่งขายกรุงเทพมหานครและในช่องทางออนไลน์ ส่วนคำสั่ง คสช. พบว่า ได้ผลสำเร็จเพียงแหล่งเดียวคือตลาดสะพานพุทธ ส่วนคำสั่ง สคบ. พบว่า บังคับใช้ได้สำเร็จในร้านเหล้า 22 แหล่งที่สำรวจ
ข้อเสนอแนะจากการศึกษานี้คือควรมีมาตรการที่จำเป็นในสองด้าน คือ การสื่อสารเพื่อแก้ไขความเชื่อผิดเกี่ยวกับบุหรี่อิเลกทรอนิกส์และการกวดขันสื่อสังคมเครือข่ายที่กระทำผิดกฎหมาย
เอกสารอ้างอิง
นิทัศน์ ศิริโชติรัตน์. (2557).บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ Electronic cigarettes. ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ.
วรกิจ คาโดซาว่า.(2559).ควันจากน้ำ: ทัศนคติและการบริโภคเชิงสัญลักษณ์ของผู้บริโภคต่อบุหรี่ไฟฟ้า. การค้นคว้าอิสระ, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,
หทัย ชิตานนท์.(2555).การห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic cigarettes). ชุดเอกสารวิชาการ, สถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย.
Allem , Ferrara , Uppu , Cruz , Unger. (2017). E-cigarette surveillance with social media data: social bots, emerging topics, and trends. JMIR Public Health Surveillance,3(4).
Cole-Lewis , Pugatch , Sanders , Varghese , Posada , Yun , Schwarz , Augustson. (2015). Social Listening: A content analysis of E-cigarette discussions on Twitter. Journal of Medical Internet Research, 17(10).
Dube , Pathak, Nyman, Eriksen. (2015).Electronic cigarette and electronic hookah: a pilot study comparing two vaping products. Preventive Medicine Reports, 2:953–958.
Lee , Hart , Sears , Walker , Siu , Smith. (2017). A picture is worth a thousand words: Electronic cigarette content on Instagram and Pinterest. Tobacco Prevention & Cessation,3:119.
Link, Cawkwell, Shelley, Sherman. (2015). An exploration of online behaviors and social media use among hookah and electronic-cigarette users. Addictive Behaviors Reports,37–40.
Pepper, Brewer. (2014). Electronic nicotine delivery system (electronic cigarette) awareness, use, reactions and beliefs: A systematic review. Tobacco Control, 23:375–384.
Zhou , Zhang , Zeng , Tsui. (2018). Influence of flavors on the propagation of E-Cigarette-related information: social media study.JMIR Public Health Surveillance,4(1):e27.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
Disclaimer and Copyright Notice
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารกฎหมายและนโยบายสาธารณสุข ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารกฎหมายและนโยบายสาธารณสุข ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องอ้างอิงเสมอ