การรับรู้แนวปฏิบัติตามเป้าหมายความปลอดภัยผู้ป่วยของบุคลากรด้านสุขภาพ ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
คำสำคัญ:
การรับรู้แนวปฏิบัติความปลอดภัยผู้ป่วย / บุคลากรด้านสุขภาพของโรงพยาบาลบทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยนี้เป็นการศึกษาแบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อวัดระดับการรับรู้แนวปฏิบัติความปลอดภัยผู้ป่วยของบุคลากรด้านสุขภาพและเพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างคุณลักษณะส่วนบุคคล ปัจจัยสนับสนุนด้านทรัพยากรในหน่วยงานและด้านข้อมูลข่าวสารกับการรับรู้แนวปฏิบัติความปลอดภัยของบุคลากรด้านสุขภาพ ทำการศึกษาในบุคลากรด้านสุขภาพของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง จำนวน 112 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาวิจัย คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ คือ Pearson’s Correlation efficient และ Chi-square test
ผลการศึกษาวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้แนวปฏิบัติความปลอดภัยผู้ป่วยการรับรู้แนวปฏิบัติโดยรวมทุกด้าน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างคุณลักษณะส่วนบุคคลของบุคลากรโรงพยาบาลเอกชนกับการรับรู้แนวปฏิบัติความปลอดภัยผู้ป่วย พบว่า เมื่อใช้เกณฑ์คะแนนการรับรู้แนวปฏิบัติความปลอดภัยผู้ป่วยมากกว่า 80% พบว่า คุณลักษณะด้านอายุ อายุงาน และประสบการณ์การอบรมนโยบายความปลอดภัย มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการสนับสนุนด้านทรัพยากรในหน่วยงานและด้านข้อมูลข่าวสารกับการรับรู้แนวปฏิบัติความปลอดภัยผู้ป่วย พบว่า มีความสัมพันธ์กันโดยรวมในทิศทางบวก (r=0.356) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05)
จากผลการวิจัยนี้มีข้อเสนอแนะให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ด้านศูนย์คุณภาพ จะต้องมีการนำนโยบายของความปลอดภัยสู่การปฏิบัติเพิ่มมากขึ้น โดยมีการสื่อสารนโยบายเรื่องความปลอดภัยให้บุคลากรด้านสุขภาพและผู้ที่เกี่ยวข้องให้รับทราบมากขึ้น รวมถึงมีการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นระยะ เพื่อปรับปรุงแก้ไขส่วนที่ยังไม่ได้มาตรฐาน ฝ่ายวิชาการหรือฝ่ายพัฒนาทางคลินิกจะต้องมีการจัดกิจกรรมรณรงค์การเรียนการสอน มีการการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่องความปลอดภัยของผู้ป่วยอย่างน้อยปีละ 2 ครั้งให้กับบุคลากรด้านสุขภาพ และมีการทำแบบทดสอบ กำหนดเกณฑ์ที่ชัดเจน ตลอดจนบุคลากรด้านสุขภาพที่ปฏิบัติงานจะต้องมีการสื่อสารเรื่องความปลอดภัยในแผนกให้ทุกคนรับทราบ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน เพื่อสามารถนำมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานและสามารถสร้างการรับรู้ที่ดีเกี่ยวกับแนวปฏิบัติความปลอดภัยผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง
เอกสารอ้างอิง
Joint Commission International. (2004). Joint Commission International Accreditation standard for Hospital. 5th Edition. Library of congress.
Joint Commission Resources. (2004). Accreditation Issues For Risk Managemers. Department of Publications U.S.A.
ธีรวุฒิ เอกะกุล. (2543). ระเบียบวิธีวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. อุบลราชธานี : สถาบันราชภัฎอุบลราชธานี.
ภัทนี สามเสน. (2555). ถอดบทเรียนจากการประชุมวชาการ (Quality Conference). การจัดการความรู้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล.
วีณา จีระแพทย์. (2550). การบริหารความปลอดภัยของผู้ป่วย. กรุงเทพฯ : ด่านสุทธาการพิมพ์.
สุธี อยู่สถาพร, ไพจิตร พึ่งภพ และณัฏฐนันท์ พันทองอ่อน. (2556). ปัญหาทางกฎหมายในกระบวนการพิจารณาคดีความรับผิดทางการแพทย์.
สุรชาติ ณ หนองคาย. (2557). หลักการบริหารและการพัฒนาองค์การสาธารณสุข. กรุงเทพมหานคร:คณะสาธารณสุขศาสสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
อนุวรรธก์ แสนตรีและธวัชชัย ศุภดิษฐ์. (2546). ความรู้และทัศนคติต่อพฤติกรรมความปลอดภัยในโรงงาน. สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
Disclaimer and Copyright Notice
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารกฎหมายและนโยบายสาธารณสุข ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารกฎหมายและนโยบายสาธารณสุข ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องอ้างอิงเสมอ